Phones





STARK เคาะลงทุนพลังงานทดแทน-EV

2021-08-16 15:00:55 303



นิวส์ คอนเน็คท์ - STARK บอร์ดไฟเขียว ลงทุนซื้อหุ้น TENCOM ดำเนินธุรกิจพลังงานและพลังงานทดแทนรวมถึง EV สัดส่วน 65% ผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรกปี 64 รายได้ 9,908 ล้านบาท และกำไร 963 ล้านบาท ตุน Backlog กว่า 10,000 ล้านบาท มั่นใจรายได้ปีนี้เข้าเป้า 15-20% ทำนิวไฮต่อเนื่อง 

เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2564 นายประกรณ์ เมฆจำเริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติให้บริษัทเข้าลงทุนใน “บริษัท ไทย เอ็นคอม จำกัด” หรือ TENCOM ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานและพลังงานทดแทน และการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ธุรกิจที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีและการสื่อสาร ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ธุรกิจการตั้งศูนย์ข้อมูล และธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง โดยร่วมกับ “บริษัท พีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด” หรือ PEA ENCOM ซึ่งใช้กระแสเงินสดภายในบริษัท 

อีกทั้งบริษัทจะเข้าไปซื้อหุ้น TENCOM ภายในเดือนสิงหาคม 2564 จำนวนรวม 650 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 65% ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด ด้วยมูลค่า 65,000 บาท ซึ่งจะส่งผลให้กลายมาเป็นบริษัทย่อยทันที และภายใน 2 เดือนหลังจากเข้าซื้อหุ้นที่ออกไว้เดิมเสร็จสิ้นแล้ว STARK จะดำเนินจากจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ TENCOM เพิ่มเติมอีกจำนวน 649,935 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ 100 บาท ซึ่งจะเป็นการทำรายการได้มาซึ่งทรัพย์สิน โดยมีมูลค่ารายการเท่ากับ 64,935,000 บาท สำหรับวัตถุประสงค์การลงทุนครั้งนี้ เพื่อขยายธุรกิจไปในกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทดแทน และเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มโอกาสในการเติบโตให้สอดคล้องกับแนวโน้มสถานการณ์โลกในปัจจุบัน

ทั้งนี้ TENCOM มีทุนจดทะเบียนเดิมอยู่ที่ 100,000 บาท แบ่งเป็น 1,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท และหลังจากการเข้าทำธุรกรรมดังกล่าว มีการเพิ่มทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 100,000,000 บาท แบ่งเป็น 1,000,000 หุ้น 

ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/64 บริษัท มีรายได้หลัก 5,252 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.9% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน 4,240 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรสุทธิ 524 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.8% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไร 427 ล้านบาท

ส่วนผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน บริษัทฯ มีรายได้ 9,908 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.4% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้หลัก 7,261 ล้านบาท ขณะที่มีกำไร 963 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.9% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไร 688 ล้านบาท

ปัจจัยที่สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากการรับรู้ยอดขายที่ปรับตัวสูงขึ้นจากโครงการภาครัฐและเอกชนที่ดำเนินการก่อสร้างอย่างต่อเนื่องตามแผนงานและกำหนดการ ประกอบกับผลประกอบการของธุรกิจที่ประเทศเวียดนาม มีอัตราการเติบโตที่ดีทั้งในส่วนรายได้และกำไรเช่นกัน