Phones





BAM เดินหน้าเจรจาซื้อหนี้ หนุนผลเรียกเก็บเข้าเป้า1.7หมื่นล้านบาท

2021-09-02 17:51:02 288



 
นิวส์ คอนเน็คท์ -  BAM เจรจาเข้าซื้อหนี้จากพันธมิตรธุรกิจ 3-4 ราย หวังปีนี้เข้าซื้อหนี้เข้ามาบริหารได้ตามแผนที่ 9,000 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมปี 64 มั่นใจผลเรียกเก็บหนี้ทำได้ 17,452 ล้านบาทตามเป้าหมาย
 
เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2564 นายรฐนนท์ ฟูเกียรติ ผู้จัดการกลุ่มนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM เปิดเผยว่า ภาพรวมการเรียกเก็บหนี้จากการดำเนินงานในปี 64 บริษัทยังคงเป้าหมายไว้ที่ 17,452 ล้านบาท รวมทั้งยังมีแผนการซื้อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) และสินทรัพย์รอการขาย (NPA) ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 9,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเข้าซื้อหนี้อยู่จำนวน 3-4 ราย โดยปัจจุบันบริษัทมีพอร์ต NPLภายใต้การบริหารมูลค่าราว 190,000 ล้านบาท และพอร์ตหนี้ NPA ภายใต้การบริหารอยู่ที่ราว 60,000 กว่าล้านบาท
 
 
แนวโน้มผลเรียกเก็บในไตรมาส 3/64 บริษัทคาดว่าจะมีผลเรียกเก็บอยู่ที่ 4,240 ล้านบาท โดยจะเป็น NPL 2,342 ล้านบาท และ NPA 1,897 ล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่าจะได้เป้าหมายที่วางไว้แน่นอน ขณะที่ ไตรมาส 4/64 บริษัทตั้งเป้าผลเรียกเก็บอยู่ที่ 6,043 ล้านบาท แบ่งเป็น NPL 3,498 ล้านบาท และ NPA 2,545 ล้านบาท
 
อย่างไรก็ตาม ปริมาณ NPL ที่สถาบันการเงินจะนำออกมาขายในช่วงที่เหลือของปีนี้ยังไม่มีความชัดเจนมากนัก เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาพบว่าตัวเลข NPL ของสถาบันการเริ่มชะลอตัว โดยคาดว่าสถานการณ์ NPL จะกลับมาใกล้เคียงก่อนโควิด-19 อีกครั้งในช่วงปีหน้า
 
ในส่วนของแผนการจำหน่ายหนี้ NPA นั้น บริษัทจะเน้นเสนอขายทรัพย์เฉพาะกลุ่ม เช่น กลุ่มนักลงทุนรายย่อย หรือนักลงทุนรายใหญ่ รวมถึงพัฒนารูปแบบการจัดงานประมูลทรัพย์ เพื่อเพิ่มช่องทางการขายทรัพย์ให้ตอบโจทย์ลูกค้าและนักลงทุนมากขึ้น ซึ่งบริษัทจะพิจารณาคัดเลือกทรัพย์ออกประมูลเพิ่มเติมในช่วงไตรมาส  4/64 นี้ ขณะที่ในปี 65 บริษัทจะนำแพลตฟอร์มประมูลออนไลน์ของบริษัทมาใช้เอง เพื่อให้นักลงทุนสามารถเข้าไปสำรวจทรัพย์ได้มากและง่ายขึ้น
 
สำหรับความคืบหน้าการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน ( JV) นั้น ปัจจุบันบริษัทได้ทำการศึกษาสมมติฐาน ทั้งข้อจำกัด และปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการทำหลักเกณฑ์ข้อบังคับ (Regulatory) ให้ถูกต้อง รวมถึงรอจังหวะที่เหมาะสมในการเริ่มดำเนินการ ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนภายในไตรมาส 4/64 ส่วนการจัดตั้ง Holding Company จะต้องมีการพิจารณาให้รอบคอบ โดยเมื่อจัดตั้งแล้วจะต้องสร้างประโยชน์กับทุกฝ่าย และจะต้องเป็นกลไกสำคัญในการปลดล็อกในหลายธุรกิจด้วย