Phones





SCBเดินหน้าปรับโครงสร้างการถือหุ้น – เคาะปันผลระหว่างกาล

2021-09-22 21:13:50 275



 
นิวส์ คอนเน็คท์ – SCB เดินหน้าปรับโครงสร้างการถือหุ้นหลังที่ประชุมคณะกรรมธนาคารอนุมัติจัดตั้ง ‘SCBX’ เตรียมเดินหน้าเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของธนาคารจากผู้ถือหุ้นเดิม พร้อมอนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาลจากกำไรสุทธิและกำไรสะสมจำนวน 70,000 ล้านบาท  
 
เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2564 นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารได้มีการอนุมัติการปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจการเงิน และแผนปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น โดยให้มีการจัดตั้งบริษัท เอสซีบี เอ็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCBX เพื่อประกอบธุรกิจเป็นบริษัทลงทุน
 
โดยภายหลังแผนปรับโครงสร้างการถือหุ้นได้รับอนุมัติจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงได้รับอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ให้เสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ SCBX จะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของธนาคารจากผู้ถือหุ้นเดิม โดยการออกหุ้นเพิ่มทุนแลกเปลี่ยนกับหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิ์ ในอัตรา 1 หุ้นธนาคาร ต่อ 1 หุ้น SCBX และ 1 หุ้นบุริมสิทธิธนาคาร ต่อ 1 หุ้นสามัญ SCBX
 
ทั้งนี้ หลังจากการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของธนาคารเสร็จสิ้น หลักทรัพย์ของ SCBX จะเข้าเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แทนหลักทรัพย์ของธนาคารที่จะเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯในวันเดียวกัน โดยจะยังใช้ชื่อย่อเดิมคือ SCB ซึ่ง SCBX จะมีสถานะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ SCB
 
นอกจากนี้ เพื่อให้เป็นไปตามแผนการปรับโครงสร้างการถือหุ้น ที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารอนุมัติให้มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไรสุทธิและกำไรสะสมตามงบการเงินเฉพาะของธนาคารล่าสุด จำนวน 70,000 ล้านบาท ให้แก่ SCBX และผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ โดยคาดว่าเงินปันผลส่วนใหญ่ที่จ่ายให้ SCBX จะถูกใช้เป็นค่าตอบแทนสำหรับการโอนบริษัทย่อย, ธุรกิจบัตรเครดิต และธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน รวมถึงเป็นเงินลงทุนสำหรับการขยายธุรกิจในอนาคต
 
ขณะที่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารมีมติให้ บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ตกลงร่วมมือกับบริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (ซีพีจี) ในการจัดตั้งกองทุน Venture Capital ขนาด 600-800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อการลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีทางการเงินในด้านต่างๆ เช่น เทคโนโลยีบล็อกเชน Decentralized Finance ตลอดจนเทคโนโลยีที่เกิดใหม่อื่นๆ
 
โดยนอกเหนือจากการบริหารกองทุนร่วมกันแล้ว กลุ่มธนาคารและกลุ่มซีพีจีจะร่วมลงทุนในกองทุนนี้ร่วมกับผู้ลงทุนที่ไม่ใช่ผู้ลงทุนรายย่อย (accredited investor) ทั้งนี้ การจัดตั้งกองทุนดังกล่าวต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของหน่วยงานกำกับทางการที่เกี่ยวข้อง ธนาคารจะแจ้งให้ทราบต่อไปเมื่อมีความคืบหน้าที่สำคัญ
 
นอกจากนี้ ธนาคารได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่กับบริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (MGC Group) ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ชั้นนำในประเทศไทย ภายใต้ชื่อ บริษัท อัลฟ่า เอกซ์ จากัด (Alpha X Co., Ltd.) มีทุนจดทะเบียนจัดตั้งขั้นต้น 1 ล้านบาท และมีแผนจะเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 300 ล้านบาท ภายใน 1 ปี โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการประกอบธุรกิจให้ เช่าซื้อ ลีสซิ่ง และให้สินเชื่อรีไฟแนนซ์ สาหรับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ (Big Bike) และยานพาหนะทางน้ำ (Yacht และ River Boat)
 
ทั้งนี้ บริษัท เป็นบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารนอกกลุ่ม Solo Consolidation ซึ่งธนาคารถือหุ้นในสัดส่วน 50% และ MGC Group ถือหุ้นในสัดส่วน 50%