Phones





RBF ฐานธุรกิจแน่นปึ๊ก โบรกฯ แห่เชียร์

2019-09-19 16:25:02 311




นิวส์ คอนเน็คท์ - RBF เหล่าเซียนชั้นนำ เคาะเป้าสูงสุด 4.60 บาทต่อหุ้น ฐานธุรกิจแน่น แถมมีแววโตสูงทุกปี พร้อมเทเสียงหนุน กำไรขยายเด่นต่อเนื่อง 


นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการประเมิน บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ดซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ RBF พบว่า บริษัทอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานเกล็ดขนมปังในประเทศเวียดนามและประเทศอินโดนีเซีย คาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/2563 และนำเงินที่ได้ส่วนหนึ่งจากการขายหุ้น IPO ไปลงทุนสร้างโรงงานผลิตที่ประเทศอินโดนีเซียแห่งที่ 2 ในปี 2565 เพื่อรองรับการเติบโตของรายได้ส่งออกคาดกำไรสุทธิเติบโต 7.6% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน หากไม่รวมค่าใช้จ่าย 0ne time คาดมีกำไรปกติเติบโต 13.3% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนและเมื่อรับรู้รายได้จากโรงงานใหม่ต่างประเทศ คาดว่ากำไรสุทธิปี 2563 จะเติบโต 24% หรืออยู่ที่ 432 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อน ดังนั้น จึงให้ราคาเป้าหมายที่เหมาะสมไว้ที่ 4.60 บาท


ด้านฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด เผยว่า หุ้น RBF จะมีกำไรปกติในช่วง 3 ปี (2561-2563) เติบโตเฉลี่ย 15% จาก 324 ล้านบาทเป็น 488 ล้านบาทตามลำดับ และคาดว่ายอดขายเพิ่ม 9% ต่อปี จากการเพิ่มการผลิต รวมถึงประสิทธิภาพการบริหารจัดการที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 38% ในปี 2561 เป็น 39%ในปี 2564 และ RBF จะมีรายได้จากต่างประเทศราว 15% ของรายได้ธุรกิจผลิตและผลิตจำหน่ายส่วนประกอบอาหารในปี 2563 ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบนำเข้าราว 37% ของต้นทุนวัตถุดิบรวม ทำให้ RBF มีฐานะเป็นผู้นำเข้าสุทธิราว 8% ดังนั้น เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นทุก 1 บาท จะเป็นแนวโน้มเชิงบวกต่อประมาณการกำไรและมูลค่าพื้นฐานปี 2563 ราว 1.3% ให้ราคาเป้าหมาย 4.52 บาท

ส่วนฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ โกลเบล็ก จํากัด ให้ราคาเหมาะสมที่ 4.44 บาท ทั้งนี้ ประเมินว่ากำไรปี 2562 และ 2563 อยู่ประมาณ 352.5 ล้านบาท และ396.2 ล้านบาทเติบโต 9% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน ตามลำดับ โดยปี 2562 คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 2,783 ล้านบาท เติบโต 6% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน โดยมีปัจจัยมาจากการขยายตลาดในต่างประเทศ ทั้งนี้ เป็นตามแผนงานของบริษัทที่ได้ไปตั้งโรงงานในประเทศเวียดนามและอินโดนีเซีย และในปี 2563 จะช่วยหนุนให้รายได้จากทั้งสองประเทศเติบโตสูง

ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นจาก 37.8% เป็น 37.9% เนื่องจากธุรกิจโรงแรมจะถึงจุดคุ้มทุนจากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติและค่าเสื่อมราคาที่ลดลง รวมถึงธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกอัตรากำไรขั้นต้นจะปรับตัวดีขึ้นจากการผลิตและรุกตลาดผลิตภัณฑ์ที่สามารถย่อยสลายได้


สำหรับบริษัท หลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด (มหาชน) ให้ราคาพื้นฐานที่ 4.36 บาท ประมาณกำไรสุทธิปี 2562 และปี 2563 อยู่ที่ 376 ล้านบาทและ 436 ล้านบาท เติบโต 16.1% ตามลำดับ ขณะที่บริษัท หลักทรัพย์อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดว่ากำไรสุทธิปี 62 เติบโต 7% ตามการพื้นตัวของอุปสงค์ต่อผลิตภัณฑ์ โดยผลประกอบการรครึ่งปีหลังของปี 2562 จะเติบโตใกล้เคียงกับครึ่งปีแรก ขณะที่ปี 2563 – 2564 จะเติบโตเร่งตัวเป็น 24%และ 15% ตามลำดับ นอกจากนี้ บริษัท หลักทรัพย์ เอเชีย พลัส จำกัด (มหาชน) ให้ราคาเป้าหมายที่ 4.30 บาท บริษัท หลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด(มหาชน) ให้ราคาเป้าหมาย 4.20 บาท


ด้าน ดร.สมชาย รัตนภูมิภิญโญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร RBF กล่าวว่า บริษัทเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายวัตถุที่ใช้เป็นส่วนผสมในอาหาร (Food Ingreadients) ให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมเป็นหลัก รวมถึงผลิตตามคำสั่งซื้อ (Made to order) นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้าของบริษัท ได้แก่ อังเคิลบาร์นส์, เบสท์ โอเดอร์, ก๊อปจัง, Haeyo, Angelo และ Aroi Mak Mak