Phones





FETCO ดัชนีเชื่อมั่น 3 เดือนหน้าพุ่ง 18.2%

2021-11-04 15:08:03 227




นิวส์ คอนเน็คท์ - FETCO เผยดัชนีความเชื่อมั่น 3 เดือนหน้าเพิ่ม 18.2% อยู่ในเกณฑ์ร้อนแรง หวังการท่องเที่ยว การฉีดวัคซีน เศรษฐกิจในประเทศฟื้น

เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2564 นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย หรือ FETCO เปิดเผยว่า ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในเดือนตุลาคม 2564 พบว่า “ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 168.69 สูงสุดตั้งแต่เริ่มทำการจัดทำดัชนี โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 18.2% จากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรงอย่างมาก” เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวเป็นปัจจัยหนุนมากที่สุด รองลงมาคือแผนการฉีดวัคซีนเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ Covid-19 และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ 

ขณะที่ปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ ความกังวลต่อสถานการณ์ระบาดของ Covid-19 ระลอกใหม่หลังเปิดประเทศ รองลงมาคือการถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ

ส่วนผลสำรวจ ณ เดือนตุลาคม 2564 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่าความเชื่อมั่นนักลงทุนบุคคลปรับเพิ่มขึ้น 18.6% อยู่ที่ระดับ 161.63 อยู่ในระดับสูงสุดตั้งแต่เริ่มทำการสำรวจดัชนี กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับลด 6.7% อยู่ที่ระดับ 160.00 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับเพิ่ม 18.4% อยู่ ที่ระดับ 157.89 และกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ ปรับเพิ่ม 26.0% อยู่ที่ระดับ 180.00

สำหรับ SET Index ปิดที่ 1,623.43 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.1% ปรับตัวสูงขึ้นจากเดือนก่อนหน้า จากการผ่อนคลายมาตรการ lockdown การออกมาตรการท่องเที่ยวทั้งโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 และทัวร์เที่ยวไทย รวมถึงแผนการเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศของภาครัฐ รวมถึงอัตราการฉีดวัคซีน Covid-19 ในประเทศไทย ครอบคลุมกว่า 70%

ทั้งนี้ปัจจัยต่างประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ วิกฤติพลังงานโลกซึ่งราคาพลังงานทั้งน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน ปรับตัวสูงขึ้นมาก การเติบโตของเศรษฐกิจจีนที่อาจชะลอตัวจากการขาดแคลนพลังงานในประเทศ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯและจีน ทั้งประเด็นการค้า และประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและไต้หวัน รวมถึงความกังวลต่อโอกาสที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจชะงักงันและเงินเฟ้อ (Stagflation) ซึ่งจะส่งผลต่อความผันผวนของตลาดหุ้นจากการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงกว่าระดับปกติมากในหลายประเทศ 

ด้านปัจจัยในประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ การประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 3/2564 ความเสี่ยงจากการเกิดการแพร่ระบาดของ Covid-19 ระลอกใหม่จากการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยไม่ต้องกักตัวสำหรับประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำที่เริ่มในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งจะต้องมีการติดตามและเฝ้าระวังจากภาครัฐอย่างเคร่งครัด อีกทั้งสถานการณ์น้ำท่วมที่ยังยืดเยื้อ และราคาพลังงานที่ปรับสูงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ