Phones





NER ปี 68 ดันยอดขาย 5 แสนตัน

2025-03-24 07:59:11 142



NER ปี 68 ดันยอดขาย 5 แสนตัน (สกู๊ปพิเศษ)
ประกาศงบการเงินของปี 2567 ออกมาได้อย่างสวยงาม และยังคงเติบโตแข็งแกร่ง สำหรับ บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ผู้ผลิตยางธรรมชาติชั้นนำระดับโลก ที่มุ่งสร้างคุณค่าและอนาคตที่ยั่งยืนให้กับทุกชุมชน ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์และผู้ค้าคนกลางทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยปริมาณขาย 439,179 ตัน รายได้จากการขายรวม 27,448.33 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,652 ล้านบาท
 
โดยบริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.36 บาท คิดเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 665.20 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล 40.26% ของกำไรสุทธิหลังจากหักเงินทุนสำรองตามกฎหมาย ซึ่งบริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 2567 ไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.05 บาทต่อหุ้น คิดเป็นเงิน 92.39 ล้านบาท คงเหลือเป็นเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นอีกหุ้นละ 0.31 บาท คิดเป็นเงินรวม 572.81 ล้านบาท กำหนดขึ้น XD วันที่ 24 เมษายน 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 9 พฤษภาคม 2568 หลังจากผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น 

โดยกำไรปกติไตรมาส 4/67 อยู่ที่ 484 ล้านบาท (+13%y-y, +119%q-q) ปัจจัยหนุนจากรายได้และราคาขายทำสูงสุดใหม่ ปริมาณการขายดีที่สุดในรอบ 8 ไตรมาส อีกทั้ง SG&A/sales ลดลง เพราะสัดส่วนการขายในประเทศเพิ่มขึ้น หนุนกำไรสุทธิทั้งปี 2567 อยู่ที่ 1,652 ล้านบาท และกำไรปกติอยู่ที่ 1,673 ล้านบาท (+5.7% YoY) 
ปี 2568 ดันยอดขาย 5 แสนตัน
"สำหรับปี 2568 บริษัทได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตว่าจะสามารถผลิตและขายสินค้าได้ประมาณ 500,000 ตัน คิดเป็นรายได้ประมาณ 34,000 ล้านบาท หรือเติบโต 24% จากปีที่ผ่านมา" นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NER ระบุ

ทั้งนี้ บริษัทมีกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจและตั้งเป้าหมายการเติบโตในปี 2568 จะมียอดขายราว 3.45 หมื่นล้านบาท (+26% YoY) ปัจจัยหนุนจากคาดมีปริมาณขายยางที่ 5 แสนตัน (+14% YoY) หลังมองลูกค้าเดิมยังมีดีมานด์ยางที่เติบโตดี และมีการขยายลูกค้าใหม่ในกลุ่มอินเดียเพิ่มเติม ส่วนราคาขายยางเฉลี่ยราว 70-72 บาทต่อกก. ทั้งนี้ บริษัทมองว่าอุปทานยางโลกจะทรงตัว โดยอุปทานยางในอินโดนีเซียที่ลดลงจะถูกชดเชยจากอุปทานที่เพิ่มขึ้นขึ้นในโกตดิวัวร์ ส่วนอุปทานไทยปี 68 คาดเพิ่มขึ้น 20% หลังปริมาณฝนที่ดีขึ้นทำให้กรีดยางได้เร็วขึ้น

ส่วนโรงงานใหม่แห่งที่ 3 ในไทย (กำลังผลิต 3.2 แสนตัน) จะเริ่มสร้างกลางปี 68 นี้ และจะเปิดเฟสแรกได้ในกลางปี 69 ซึ่งจะมีกำลังผลิต 1.6 แสนตัน ส่วนเฟส 2 จะเปิดในปี 70 ซึ่งจะมีกำลังผลิตเพิ่มอีก 1.6 แสนตัน ทำให้กำลังผลิตจากปัจจุบัน 5.165 แสนตัน จะเพิ่มเป็น 8.356 แสนตันในปี 70 สามารถรองรับดีมานด์ที่จะเพิ่มขึ้นได้

ปันผลสูง - โบรกฯ ประสานเสียง "ซื้อ"
การทำผลงานที่เติบโตแข็งแกร่งมาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับ NER เป็นหุ้นที่จ่ายผลตอบแทนจากเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในอัตราสูงมาตลอดระยะที่ผ่านมา จึงไม่แปลกที่บรรดาโบรกเกอร์ทั้งหลาย ต่างประสานเสียง แนะนำ "ซื้อ" กันถ้วนหน้า โดยให้ราคาเป้าหมายของปี 2568 ในช่วง 5.00-6.45 บาทต่อหุ้น เนื่องจากยังมั่นใจว่าผลประกอบการของปี 2568 ยังคงเติบโตต่อเนื่อง

โดย บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ให้ราคาเป้าหมาย 5.50 บาทต่อหุ้น อิง 2025E PER 6x โดยคงกำไรปกติปี 2025E ที่ 1.7 พันล้านบาท (+4% YoY) แม้ว่า 1Q25E เบื้องต้น คาดการณ์กำไรปกติมีแนวโน้มชะลอ YoY, QoQ จาก GPM ลดลงจากฐานสูงใน 1Q24 และปริมาณขายปรับตัวลง หลังผ่าน high season ราคาหุ้น outperform SET +10-16% ใน 1-3 เดือน โดยระยะสั้น ราคาหุ้นมีโอกาสได้ sentiment บวก หลังประกาศจ่ายปันผล 2H24 ที่ 0.31 บาท/หุ้น คิดเป็น dividend yield สูง 6% 

บล.กรุงศรี คงคำแนะนำ “ซื้อ” ใหเราคาเป้าหมาย 5.85 บาทต่อหุ้น คาดอัตราปันผลสูงถึง 6.1% โพร้อมทั้งคงประมาณการกำไรปกติ 2025F ที่ 2,024 ล้านบาท (+21% YoY) โดยชอบ NER ที่สุดในหุ้นกลุ่มยางฯ จาก Operating margin สูง 7-10% ทนความผันผวนของ GPM จากต้นทุนยางเปลี่ยนแปลงได้ดีกว่า STA

ด้าน บล. หยวนต้า (ประเทศไทย) คาดการณ์คาดกำไร 1Q25 ทรงตัวถึงลดลงเล็กน้อยทั้ง QoQ และ YoY จากปริมาณขายลดลง QoQ แต่ราคาขายทรงตัวถึงเพิ่มขึ้น QoQ แต่ด้วยราคายางที่เพิ่มขึ้นเร็วใน 1Q25 ทำให้ต้นทุนเฉลี่ยอาจสูงขึ้นตาม ทำให้ GPM อาจทำได้เพียงทรงตัวที่ 9%+- ส่วน YoY คาดปริมาณขายทรงตัว แต่ ASP เพิ่มขึ้นราว 15% YoY แต่ GPM ลดลงจากฐานที่สูง 1Q24 ทำไว้ที่ 11.6% คงราคาเป้าหมายสิ้นปี 2568 ที่ 6.45 บาท ปัจจุบันซื้อขายที่ PER68 ต่ำเพียง 5.7 เท่า และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉพาะ 2H24 สูงถึง 6.1% และคาดปี 2025 ทั้งปีอีก 0.36 บาท/หุ้น ให้ผลตอบแทนอีก 7.2% คงคำแนะนำ "ซื้อ"

ขณะที่ บล. ทรีนิตี้ ให้คำแนะนำ Trading Buy และราคาเป้าหมาย 5.15 บาท อิง PER ที่ 5.1 เท่า NER ยังคงเป็นหุ้นที่ให้ปันผลดี 0.31 บาท Dividend Yield 6% นอกจากนี้ PBV ยังอยู่ระดับ 1.1 เท่า ROE 20% นอกจากนี้ จะยังมี growth จากการขยายกำลังผลิตในอีก 2 ปีข้างหน้า โดยคาดกำไรปี 2025 ที่ 1.8 พันล้านบาท (+11% YoY) ผู้บริหารยังมีความมั่นใจที่ยอดขาย 5 แสนตัน โดยจะมีลูกค้าใหม่ๆ จากอินเดียที่จะทยอยเริ่มคำสั่งซื้อใน 2H25 และยังคงแผนการเพิ่มกำลังการผลิตจาก 5.1 แสนตัน เป็น 8.3 แสนตัน ในปี 2027 โดย Phase 1 คาดว่าจะเริ่มการสร้างโรงงานแห่งใหม่ภายใน 2H25 และคาดว่าจะแล้วเสร็จใน 1H26 ซึ่งจะเพิ่มกำลังการผลิตในปี 2026 ประมาณ 30%