Phones





NER โชว์ Q1/68 กำไรโต 34.22 % รายได้รวม 8,698 ล้านบ.

2025-05-09 21:42:28 108



นิวส์ คอนเน็คท์ - NER ประกาศงบไตรมาส 1 ปี 68 มีรายได้จากการขาย 8,698.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,156.17 ล้านบาท หรือ 32.96% มีกำไรสุทธิ 608.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 155.22 ล้านบาท หรือ 34.22% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 67 จากสถานการณ์ราคายางที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น มุ่งขยายตลาดกลุ่มลูกค้า เพื่อผลักดันยอดขายให้เป็นตามเป้า 

เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2568 นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่าย ยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง ยางผสม และสินค้าปลายน้ำแผ่นยางพาราปูพื้นคุณภาพสูง เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ กลุ่มผู้ค้าคนกลาง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2568 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2568 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มีปริมาณขาย 127,090 ตัน เพิ่มขึ้น 10.88% คิดเป็นรายได้จากการขายรวม 8,698.02 เพิ่มขึ้น 2,156.17 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 32.96% 

แบ่งเป็นรายได้จากการขายในประเทศ 6,077.46 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 69.87% ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้น 1,207.90 ล้านบาท หรือ 24.81% และรายได้จากการขายต่างประเทศ 2,620.56 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 30.13% ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้น 948.27 ล้านบาท หรือ 56.71% ส่งผลให้ไตรมาส 1 /2568 มีกำไรสุทธิ 608.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 155.22 ล้านบาท หรือ 34.22% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2567

โดยรายได้จากการขายเพิ่มสูงขึ้น จากสถานการณ์ราคายางที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยราคายางเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 19.90% รายได้ที่เพิ่มขึ้น แบ่งเป็นผลต่างด้านราคาที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น อยู่ที่ 1,443.66 ล้านบาท และแบ่งเป็นผลต่างด้านปริมาณเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 711.74 ล้านบาท นอกจากนี้ ในไตรมาส1/2568 ผลกระทบจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนนั้น บริษัทมีการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน จากการรับชำระหนี้จากลูกหนี้ต่างประเทศที่เกิดขึ้นจริง 13.25 ล้านบาท และมีกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจากการวัดมูลค่าตราสารอนุพันธ์ที่บริษัทฯ ซื้อไว้ เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 27.57 ล้านบาท ซึ่งสุทธิแล้ว ในภาพรวมบริษัทมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 14.33 ล้านบาท
 
สำหรับแผนการลงทุนในโครงการขยายกำลังการผลิตโรงงานยางแท่งเฟสที่ 3 (STR3) บริษัทฯ ยืนยันความพร้อมในการดำเนินโครงการ โดยปัจจุบันได้ดำเนินการปรับพื้นที่แล้ว อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ พิจารณาที่จะชะลอการดำเนินการก่อสร้างออกไปก่อน เพื่อประเมินความชัดเจนของผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากนโยบายภาษี (Reciprocal Tariffs) ของรัฐบาลสหรัฐฯ ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงยึดมั่นในนโยบายการขยายกำลังการผลิต เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในธุรกิจยาง