Phones





7 โบรกฯ ชี้ NER กำไรยังโตแกร่ง เชียร์ 'ซื้อ' เป้าสูง 6.30 บ.

2025-06-06 14:18:34 135



นิวส์ คอนเน็คท์ - โบรกเกอร์ 7 แห่ง ประสานเสียงเชียร์ "ซื้อ" NER หลังจากบริษัทคงเป้ายอดขายปี 68 ไว้ที่ 5 แสนตัน เพิ่มขึ้น 14% จากปีก่อน โดย บล.กรุงศรี คาดกำไรสุทธิปีนี้ 1,974 ล้านบาท ให้ราคาเหมาะสม 5.85 บาทต่อหุ้น บล. หยวนต้า (ประเทศไทย) ชี้กำไรยังแกร่งถึง Q3/68 และคาดจะได้ลูกค้าเพิ่มอีก 1 ราย ให้ราคาเป้าหมาย 6.30 บาท ขณะที่ บล. เอเอสแอล คงประมาณการรายได้ปี 68 ไว้ที่ 3.17 หมื่นล้านบาท กําไรสุทธิ 1.92 พันล้านบาท แนะ "ชื้อ" ราคาเป้าหมาย 6.00 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เผยแพร่บทวิเคราะห์แนวโน้มธุรกิจ บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER 
โดยมีมุมมอง “Neutral” ต่อข้อมูลที่ได้รับจากงานประชุมนักวิเคราะห์ เนื่องจากบริษัทยังคงเป้าหมายการขายที่ 500,000 ตัน เพิ่มขึ้น 14% เทียบปีก่อน และการเลื่อนเปิดโรงงานเป็นไปตามที่คาด โดยมองว่ากลยุทธ์ของ NER มีความรอบคอบและระมัดระวัง ซึ่งเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน  

สำหรับโมเมนตั้มใน Q2/68 คาดกําไรสุทธิเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบช่วงเดียวกันก่อนก่อน จากปริมาณการขายและราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น แต่คาดลดลงเทียบไตรมาสก่อนหน้า จากปัจจัยฤดูกาล คงประมาณการกําไรสุทธิ 2025F ที่ 1,974 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน คงคำแนะนํา Buy ให้ราคาเป้าหมายที่ 5.85 บาทต่อหุ้น

บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด ระบุ NER กําไรดีกว่าคาด โตทั้งเทียบช่วงเดียวกันปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า โดย Q1/68 กําไรขยายตัว และดีกว่าคาด 13.1% จากปริมาณขายมากกว่าคาด, ความเสี่ยงมากขึ้นจากนโยบายทรัมป์ มีแนวโน้มปรับประมาณการลง , งบดี ปันผลสูง P/E25E เพียง 3.3เท่า ยังพอเก็งกำไรสั้นๆได้ 

บริษัทหลักทรัพย์ เอสบีไอ ไทย ออนไลน์ จำกัด คาดว่า แนวโน้มผลประกอบการในช่วง Q2/68 และ Q3/68 จะยังเติบโตต่อ และยังไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการ Reciprocal Tariff โดยบริษัทยังคงเป้าปริมาณขายที่ 500,000 ตัน โดย Demand จะยังเป็นบวกจากแนวโน้มยอดขายรถ EV ที่ยังเพิ่มขึ้น รวมถึงสัดส่วน Replacement Ratio ที่เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับ Supply ที่ปริมาณฝนที่เพิ่มขึ้น จะหนุนปริมาณการผลิต ส่วนผลกระทบต่อมาตรการภาษี ลูกค้าโรงงานจีนในไทยไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากปริมาณส่งออกยางรถยนต์จากโรงงานจีนในไทยไปยังสหรัฐฯ คิดเป็นเพียง 4% ของทั้งหมด ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามอยู่ที่การเจรจาระหว่างไทย-สหรัฐฯเพื่อลดผลกระทบจากมาตรการภาษีซึ่งจะมีผลต่อยอดขายในช่วงปลาย Q3/68 – Q4/68

บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ระบุกําไร Q1/68 ออกมาดี แต่ช่วงที่เหลือของปีอาจจะชะลอตัว ลูกค้าชะลอคำสั่งซื้อเพื่อรอดูความชัดเจนของภาษี ปรับคำแนะนําลงเป็น "ถือ" และปรับราคาเป้าหมายลงมาเป็น 4.50 บาท อิง Avg PER 4.5 เท่า แนวโน้มกําไรอาจจะชะลอลงในช่วงถัดไป และความไม่แน่นอนของภาษีสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อปริมาณขายได้ โดยราคาหุ้นเคยทำจุดสูงสุดในปี ที่ 5.05 บาท ก่อนปรับลดลงกว่า -15% ในช่วงเดือนเมษายนที่สหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษี

บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุ แนวโน้ม Q2/68 เบื้องต้นคาดปริมาณขายลดลงเล็กน้อยเทียบ QoQ อยู่ที่ 1.2 แสนตัน ขณะที่ราคาขายเฉลี่ยคาดปรับสูงขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับ GPM ลดลงเล็กน้อยเช่นกัน คาดเบื้องต้นที่ราว 10.0% จาก 10.6% ใน Q1/68 จากต้นทุนที่ขยับขึ้นจากราคาใน Q1/68 ขณะที่ราคาที่ลดลงใน Q2/68 มีวัตถุดิบให้ซื้อไม่มาก ทำให้ถัวเฉลี่ยราคาลงไม่ได้มาก คาดกําไรสุทธิที่ 500 ล้านบาท ลดลง 10 – 15% เทียบ QoQ แต่ยังเติบได้เมื่อเทียบ YoY

ผลการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ต่อไทยและจีน ทำให้ลูกค้ากลุ่ม Trader ซึ่งบริษัทฯ มียอดขาย ผ่านกลุ่มนี้ราว 60 – 70% ชะลอการซื้อ แม้ว่าแท้จริงแล้วลูกค้าจีนโดยตรงจะได้รับผลกระทบจํากัด เพราะยางล้อที่ผลิตในจีนมีการส่งออกไปสหรัฐฯเพียง 4% แต่ลูกค้ากลุ่ม Trader มักมีความอ่อนไหวต่อประเด็นเศรษฐกิจมหภาค แต่หลังจากที่สหรัฐฯและจีนมีการเจรจาและลดภาษีระหว่างกันลงชั่วคราว ทำให้ลูกค้าเริ่มกลับมาทำการซื้อมากขึ้น แต่ยังอยู่ที่ระดับประมาณ 75% ของระดับปกติก่อนประกาศภาษีวันที่ 2 เม.ย. ซึ่งผลกระทบนี้จะกระทบเต็มที่ใน Q4/68 แต่ถือว่าน้อยกว่าที่คาดไว้เดิมว่าอาจจะเริ่มกระทบชัดเจนใน Q3/68 เลย เนื่องจากยอดขายใน Q3/68 มากกว่า 70% มีการปิดการขายไปแล้วก่อน 2 เม.ย.

โดย NER มีลูกค้ายางล้ออินเดียรายใหม่ 1 ราย คาดว่าจะเริ่มทำการซื้อขาย Q4/68 และจะไปหนุนรายได้ Q1/69 เป็นต้นไป และคาดว่าจะมีเพิ่ม 1 ราย ซึ่งเป็นรายใหญ่กว่ารายแรก จะทดสอบเสร็จสิ้นภายในเดือน ก.ค.68 นี้ ขณะที่แผนขยายกําลังการผลิต บริษัทขอเลื่อนการพิจารณาออกไปอีก 6 เดือน หากสถานการณ์คลี่คลายได้ภายใน 90 วัน จะกลับมาเริ่มก่อสร้างโรงงานแห่งที่ 3 ใน Q1/69 

บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ภาพรวมปี 2568 มีเป้าการขายที่ระดับ 500,000 ตัน เริ่มมีความเสี่ยงจากการที่ลูกค้าบางส่วนมีการชะลอคำสั่งซื้อจากผลกระทบ เรื่องภาษีของสหรัฐฯ และทำให้ทางบริษัทมีการเลื่อนการสร้างโรงงานใหม่เป็นต้นปี 2569 แทน อย่างไรก็ตาม ระยะยาว NER มองว่าจากการที่ไทยเป็นประเทศที่มีผลผลิตยางมากที่สุดในโลก ทำให้ได้ข้อสรุปเรื่องภาษีแล้ว คำสั่งซื้อจะทยอยกลับมา ทั้งนี้ จากกําไรขั้นต้นในช่วง Q1/68 ที่มีเพียง 10.2% ทำให้ปรับสมมติฐานทั้งปีลง จากเดิม 11% เหลือ 10.2% จึงประเมินกําไรสุทธิได้ใหม่ที่ 1,863 ล้านบาท ยังแนะนํา “ซื้อ” เพราะยังมีจุดเด่นเรื่องเงินปันผลที่คาดผลตอบแทนเกือบ 10% แต่แนะนําให้รอความชัดเจนเรื่องภาษีก่อนเข้าลงทุน

บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด ระบุว่า ผู้บริหารยังตั้งเป้าปริมาณขาย 5 แสนตัน ส่วนแนวโน้ม Q2/68 รายได้และปริมาณขายทรงตัวจาก Q1/68 ทั้งนี้ คงประมาณการณ์รายได้ที่ 3.17 หมื่นล้านบาท และกําไรสุทธิ 1.92 พันล้านบาท คงคำแนะนํา "ชื้อ" ที่ราคาเป้าหมายสิ้นปี 68 ที่ราคา 6.00 (ไม่เปลี่ยนแปลง)