Phones





TIDLOR ไตรมาส 2 ปี 68 กำไร New High 1,304.4 ล้านบ. โต 19.5%

2025-08-08 19:47:12 26



นิวส์ คอนเน็คท์ - "ติดล้อ โฮลดิ้งส์" หรือ TIDLOR เผยไตรมาส 2 ปี 68 เติบโตอย่างมีคุณภาพ ทั้งธุรกิจนายหน้าประกัน และธุรกิจสินเชื่อ โชว์กำไร New High 1,304.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.5% 

เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 นางสาวชลธิชา ทองไทย ผู้บริหารระดับสูงฝ่ายบัญชีและการเงิน หรือ CFO บริษัท ติดล้อ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLORเปืดเผยว่า ผลดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2568 มีกำไรสุทธิ 1,304.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.5% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดใหม่ในรอบไตรมาส โดยมีรายได้รวม 5,755.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.3% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน 

สำหรับธุรกิจสินเชื่อ ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มบริษัทมีพอร์ตสินเชื่อคงค้าง ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2568 รวม 105,905.5 ล้านบาท เติบโต 2.8% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน และ 1.1% จากไตรมาสก่อน จำนวนลูกค้าสินเชื่อขยายตัวเพิ่มขึ้น 9% สูงกว่าอัตราเติบโตของพอร์ตสินเชื่อรวม สะท้อนถึงการขยายฐานลูกค้าอย่างมีคุณภาพ ภายใต้นโยบายการปล่อยสินเชื่อที่รอบคอบ ขณะที่ยังคงสามารถควบคุมคุณภาพพอร์ตสินเชื่อได้ดี โดยมี NPL Ratio อยู่ที่ 1.78% ทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลจากคุณภาพสินเชื่อปล่อยใหม่ที่ดีขึ้น จากนโยบายการอนุมัติสินเชื่อที่มีความระมัดระวังในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงการจัดสรรทรัพยากรสาขาเพื่อสนับสนุนกิจกรรมการติดตามหนี้ในเชิงรุก และการบริหารความเสี่ยงที่รัดกุม ด้าน Credit Cost ปรับตัวลดลงเหลือเพียง 2.6% จากช่วงไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้าอยู่ที่ 3.6% สำหรับอัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (%NPL Coverage) ยังอยู่ในระดับสูง 262.4% เพื่อให้การบริหารความเสี่ยงเป็นไปอย่างรอบคอบและเหมาะสม 

ทั้งนี้ ภาพรวมการเติบโตที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากการใช้เทคโนโลยีด้านการเงินทั้ง “บัตรติดล้อ” และบริการ “โอนเงินสินเชื่อเข้าบัญชีผ่านแอปเงินติดล้อ” ที่ปัจจุบันมีลูกค้าใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ในระยะยาวจะเป็นพื้นฐานสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงช่วยให้ต้นทุนการดำเนินธุรกิจลดลงอีกด้วย

ด้านนางสาวอาฑิตยา พูนวัตถุ ผู้บริหารระดับสูงด้านธุรกิจประกันภัย กล่าวว่า ณ ไตรมาส 2 ปี 2568 ธุรกิจนายหน้าประกันภัยยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีเบี้ยประกันวินาศภัยรวมอยู่ที่ 2,569.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.4% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน เป็นผลมาจากการมีผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมความต้องการลูกค้า ทั้งประกันที่คุ้มครองรถ คน และบ้าน พร้อมทางเลือกจากบริษัทประกันพันธมิตรชั้นนำมากมาย รวมถึงการมีบริการจากช่องทางการให้บริการที่หลากหลายทั้งรูปแบบ Face to Face จากแบรนด์ ประกันติดโล่ (Shield Insurance) ผ่านสาขาเงินติดล้อมากกว่า 1,800 แห่งทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังมีแพลตฟอร์มเทคโนโลยีนายหน้าประกัน (InsurTech Platform) ได้แก่ แบรนด์อารีเกเตอร์ (Areegator) และแบรนด์เฮ้ กู๊ดดี้ (heygoody.com) ที่เป็นจิ๊กซอว์สำคัญสนับสนุนให้ภาพรวมธุรกิจนายหน้าประกันของบริษัทฯ สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ครอบคลุมทุกกลุ่ม

นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจที่ผ่านมาของ Tidlor Holdings และกลุ่มบริษัท ยังคงยึดมั่นแนวทางสร้างการเติบโตอย่างมีคุณภาพทั้งธุรกิจสินเชื่อและธุรกิจนายหน้าประกัน โดยที่ผ่านมาหลังจากบริษัทเริ่มดำเนินธุรกิจนายหน้าประกันในปี 2559 สามารถสร้างการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่องเฉลี่ยมากกว่า 40% ต่อปี ซึ่งเปอร์เซ็นต์การเติบโตเฉลี่ยเมื่อเทียบกับธุรกิจสินเชื่อมากกว่า 2 เท่า ซึ่งถือเป็นการบริหารจัดการความเสี่ยงและสร้างสมดุลให้กับภาพรวมธุรกิจของ Tidlor Holdings และกลุ่มบริษัทได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ช่วงที่ผ่านมาหลังจากปรับโครงสร้างองค์กรเป็น Holding แล้ว บริษัทได้ปรับโครงสร้างทีมผู้บริหารระดับสูงเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจสินเชื่อและธุรกิจนายหน้าประกัน ให้เติบโตอย่างมีคุณภาพตามเป้าหมายที่วางไว้อีกด้วย

ปัจจุบัน เศรษฐกิจไทยยังคงเปราะบาง ขณะที่ภาวะหนี้ครัวเรือนไทยที่ยังคงอยู่ในระดับสูง และพบว่าผู้ใช้สินเชื่อมีหนี้มากกว่า 1 บัญชีต่อคน จึงส่งผลกระทบถึงสภาพคล่องทางการเงิน เป็นแรงผลักดันให้ในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้จัดทำโครงการรวมยอดหนี้ (Balance Transfer) ที่มุ่งเน้นช่วยเหลือกลุ่มผู้ใช้สินเชื่อรายย่อยที่มีประวัติการผ่อนชำระหนี้ดี และปัจจุบันต้องผ่อนชำระหนี้หลากหลายที่ ทั้งสินเชื่อส่วนบุคคลประเภทอื่นๆ บัตรกดเงินสด หรือบัตรเครดิต เป็นต้น ซึ่งอาจกำลังแบกรับภาระหนี้ต่อเดือนที่สูงหรือหนักเกินไป เพื่อเป็นทางออกช่วยให้สามารถแบ่งเบาภาระหนี้ต่อเดือนให้ลดลงได้ โดยขอสินเชื่อทะเบียนรถเก๋งและรถกระบะจากเงินติดล้อ เพื่อนำเงินที่ได้รับไปปิดหรือเคลียร์ยอดหนี้เดิมที่ต้องจ่ายหลากหลายที่ และรวมยอดหนี้ไว้กับเงินติดล้อ เพื่อช่วยให้ยอดชำระหนี้ต่อเดือนลดลง รวมถึงขยายระยะเวลาการผ่อนชำระให้นานขึ้น ซึ่งจะเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระหนี้ต่อเดือนที่หนักอึ้งของลูกค้าให้ลดลงได้ ซึ่งการรวมหนี้ไว้เพียงที่เดียวยังช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถบริหารจัดการหนี้และรักษาประวัติการชำระหนี้ของตัวเองได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย 

ทั้งนี้ หลังจากเปิดให้บริการพบว่า ช่วยให้ลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการสามารถลดภาระหนี้ที่ต้องจ่ายรายเดือนลงได้เกินครึ่งเมื่อเทียบกับยอดหนี้เดิม นอกจากนี้ยังช่วยให้ลูกค้าสามารถปิดหนี้เดิมของตัวเองได้เฉลี่ย 3 แห่ง และสูงสุดถึง 9 แห่ง