Phones





BPP รุกธุรกิจคาร์บอนเทรดดิ้ง-ขยายระบบท่อส่งไอน้ำ

2025-09-25 11:11:14 160



นิวส์ คอนเน็คท์ - BPP ต่อยอดธุรกิจโรงไฟฟ้า สู่ธุรกิจคาร์บอนเทรดดิ้ง ขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านพลังงานและการเติบโตที่ยั่งยืน ตามกลยุทธ์ Decarbonization 

เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2568 นายอิศรา นิโรภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตพลังงานระดับสากล ไม่หยุดอยู่แค่การเป็น “ผู้ผลิตไฟฟ้า” แต่เดินหน้าสร้างคุณค่าใหม่ในห่วงโซ่พลังงาน ภายใต้จุดยืน “บุกเบิกนวัตกรรมพลังงาน เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน (Pioneering Energy, Empowering Tomorrow)” และด้วยประสบการณ์กว่า 20 ปี ในการดำเนินธุรกิจในจีน BPP ได้ลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม (CHPs) 3 แห่ง ในเมืองเจิ้งติ้ง โจวผิง และหลวนหนาน รวมถึงโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่อย่างซานซีลู่กวง (SLG) โดยมุ่งเน้นการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพสูงและลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) อย่างมีประสิทธิภาพ (High Efficiency, Low Emissions: HELE) 

จากการดำเนินงานที่ปล่อยคาร์บอนต่ำกว่าเกณฑ์ บริษัทจึงมีศักยภาพในการต่อยอดสู่ธุรกิจคาร์บอนเทรดดิ้ง โดยนำสิทธิคาร์บอนส่วนเกินไปสร้างมูลค่าในตลาดซื้อขาย และสร้างรายได้ผ่านการขายสิทธิจากการลดการปล่อยคาร์บอน (Carbon Emission Allowances: CEAs) อีกทั้ง บริษัทยังได้นำนวัตกรรมการใช้เชื้อเพลิงชีวมวลร่วมในกระบวนการผลิตไฟฟ้า (Biomass Co-firing) เพื่อเพิ่มศักยภาพในการลดการปล่อย CO2 และสร้างรายได้จาก CEAs เพิ่มเติมในอนาคต นอกจากนี้ บริษัทยังได้ขยายระบบท่อส่งไอน้ำที่โรงไฟฟ้าโจวผิง เพื่อสนับสนุนเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนของจีนภายในปี 2060 พร้อมเสริมความแข็งแกร่งให้พอร์ตธุรกิจและสร้างรายได้อย่างยั่งยืน

“นอกจากการผลิตและส่งมอบพลังงานคุณภาพสูงที่เชื่อถือได้แล้ว อีกหนึ่งภารกิจสำคัญของเราคือการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานที่ยั่งยืนด้วยการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมควบคู่กับการเสริมความมั่นคงด้านพลังงาน เราใช้จุดแข็งจากสินทรัพย์ที่มีอยู่ผสานกับนวัตกรรมและความเชี่ยวชาญเพื่อสร้างคุณค่าทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ ผ่านการพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์การลดคาร์บอนอย่างเป็นระบบ เช่น การนำนวัตกรรม Biomass Co-firing มาใช้ในโรงไฟฟ้า และการขยายระบบท่อส่งไอน้ำแก่ลูกค้าอุตสาหกรรม ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงกลยุทธ์ Decarbonization ที่เรายึดมั่นปฏิบัติในทุกประเทศที่ดำเนินงาน และเป็นรากฐานของการเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัท”
โดยในช่วงครึ่งปีแรก 2568 สามารถขายสิทธิ CEAs จากโรงไฟฟ้า CHPs ทั้ง 3 แห่ง ได้ประมาณ 258,800 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า สร้างรายได้ 19 ล้านหยวน หรือราว 100 ล้านบาท ขณะที่โครงการ Biomass Co-firing ที่โรงไฟฟ้าเจิ้งติ้งได้เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) โดยใช้เชื้อเพลิงชีวมวลผสมกับเชื้อเพลิงหลักในอัตราส่วนร้อยละ 10 ซึ่งคาดว่าจะช่วยลด CO2 ได้ราว 70,000 ตันต่อปี และสร้างรายได้จากการขายสิทธิ CEAs เพิ่มเติมในระยะถัดไป โดยตั้งเป้าหมายการขายสิทธิ CEAs ตลอดปี 2568 ที่ 290,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า 

ขณะที่โรงไฟฟ้าโจวผิงและหลวนหนานยังอยู่ระหว่างเตรียมดำเนินการ สำหรับโครงการขยายระบบท่อส่งไอน้ำของโรงไฟฟ้าโจวผิง ได้เริ่มก่อสร้างสายเหนือ (North Line) ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และมีแผนขยายเพิ่มเติมในสายตะวันตกและสายตะวันออก (West & East Line) เพื่อส่งไอน้ำแก่ลูกค้าอุตสาหกรรมในพื้นที่ โครงการนี้มีบทบาทสำคัญในการลดการพึ่งพาโรงผลิตไอน้ำที่มีประสิทธิภาพต่ำและปล่อยคาร์บอนสูง พร้อมยกระดับคุณภาพอากาศ ซึ่งช่วยให้รัฐบาลท้องถิ่นสามารถแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมควบคู่กับการพัฒนาเศรษฐกิจได้อย่างสมดุล เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จครบทุกสายจะมีกำลังผลิตไอน้ำรวม 720,000 ตันต่อปี ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้เพิ่มอีกกว่า 240 ล้านหยวนต่อปี หรือประมาณ 1,100 ล้านบาท

“การต่อยอดธุรกิจในจีนสะท้อนความมุ่งมั่นของ BPP ในการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านพลังงานที่ยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ที่แข็งแกร่ง นอกเหนือจากโครงการในจีนแล้ว บริษัทยังตอกย้ำกลยุทธ์ Decarbonization ผ่านการร่วมลงทุนในโครงการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture and Storage: CCS) ‘Cotton Cove’ ที่รัฐเท็กซัส ในสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะเริ่ม COD ในช่วงครึ่งแรกของปี 2569 ด้วยศักยภาพการกักเก็บคาร์บอนเฉลี่ย 32,000 เมตริกตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี” นายอิศรา กล่าว