Phones





BBL สะกิดธุรกิจไทยปรับตัวรับโอกาสลงทุนใหม่ในอินเดีย

2024-11-28 20:09:46 116




นิวส์ คอนเน็คท์ – BBL เชิญกูรูด้านเศรษฐกิจ-ธุรกิจอินเดีย ร่วมวงสัมมนา “เป้าหมายถัดไป: อินเดีย” หวังจุดประกายผู้ประกอบการไทยเตรียมความพร้อมรับมือโอกาสใหม่ในตลาดอินเดีย เผยเคล็ดลับเข้าสู่ตลาดอย่างมั่นใจ ต้องวางแผนรอบคอบ มีพันธมิตรที่ไว้ใจได้ในพื้นที่ เข้าใจระบบท้องถิ่น พร้อมศึกษากฎหมาย-ภาษีให้แม่นยำ
 
เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่และเลขานุการบริษัท ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL เปิดเผยว่า ธนาคารได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ เกี่ยวกับเศรษฐกิจและการลงทุนในประเทศอินเดีย เข้าร่วมการสัมมนาในหัวข้อ “เป้าหมายถัดไป: อินเดีย” เพื่อร่วมกันชี้ให้เห็นถึงความน่าสนใจเกี่ยวกับโอกาสการลงทุนในประเทศอินเดีย ซึ่งนับเป็นตลาดที่จะกลายเป็นโอกาสอย่างมหาศาลในอนาคต เวลานี้จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ผู้ประกอบการไทยควรเริ่มกำหนดกลยุทธ์และมองการณ์ไกลตั้งแต่วันนี้ เพื่อใช้โอกาสที่มีอย่างเต็มที่
 
“อินเดียในปัจจุบัน เปรียบเหมือนจีนเมื่อสิบปีก่อน ซึ่งในช่วงเวลานั้นมีเพียงไม่กี่คนที่มองเห็นศักยภาพของเศรษฐกิจจีน ในวันนั้นผู้ที่เริ่มต้นปรับตัวและเข้าถึงตลาดได้ก่อน วันนี้จึงกลายเป็นผู้ได้รับประโยชน์อย่างมหาศาล อินเดียเวลานี้จึงเปรียบเสมือนโอกาสที่รอคอยให้ผู้ประกอบการไทยเข้ามาทำธุรกิจ ซึ่งต้องทำความเข้าใจกับผู้คน วัฒนธรรมและกฎหมาย อย่ารีบร้อน เพราะต้องใช้ทั้งความอดทนและเวลา ผมเชื่อว่าอีก 10-20 ปีข้างหน้า อินเดียจะสร้างความมั่งคั่งได้อย่างมหาศาลด้วยชนชั้นกลางที่กำลังเติบโต และจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งส่งให้เกิดการใช้จ่ายเพิ่มเติมอย่างมหาศาลตามมา” นายกอบศักดิ์ กล่าว
 
ทั้งนี้ ธนาคารกรุงเทพพร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการไทยในเรื่องของสินเชื่อ รวมทั้งความเป็น “ธนาคารชั้นนำระดับภูมิภาค” ก็สามารถช่วยค้ำประกันเพื่อการส่งออก เพื่อการันตีความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้าให้เข้าไปทำธุรกิจได้อย่างราบรื่นและคิดว่าเวลานี้เป็นจังหวะที่ดีในการเข้าไปทำธุรกิจในอินเดียแล้ว ทั้งนี้ ประโยชน์การทำธุรกิจร่วมกับอินเดียไม่เพียงแต่การเข้าไปลงทุน หรือ ส่งออกไปอินเดียเท่านั้น แต่ไทยจะกลายเป็นการเปิดประตูสู่อาเซียนนำการลงทุนและนักท่องเที่ยวอินเดียมาสู่ไทยได้ด้วยจากปัจจุบันที่มีนักท่องเที่ยวอินเดียมาไทย ราว 2 ล้านคนก็อาจจะเพิ่มเป็น 20 ล้านคนได้ในอนาคต
 
ด้านนายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส กล่าวว่า การลงทุนครั้งแรกของ Indorama ในประเทศไทยช่วงปลายทศวรรษ 1980 เริ่มต้นด้วยรายได้เพียง 5 ล้านดอลลาร์ ก่อนที่จะเติบโตเป็นรายได้กว่า 15 พันล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน การตัดสินใจครั้งนั้นมาพร้อมกับความท้าทาย เช่น การต้องปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมและข้อจำกัดด้านภาษา เช่นเดียวกับการเข้าสู่ตลาดใหม่อย่างอินเดีย ซึ่งความซับซ้อนต้องวางแผนอย่างรอบคอบ ผู้ประกอบการวางแผนระยะยาวเพื่อรับมือกับความซับซ้อนของตลาดอินเดีย การสร้างความสัมพันธ์และเครือข่ายที่เชื่อถือได้ในพื้นที่เป็นกุญแจสำคัญ ไม่เพียงแต่จะช่วยลดความซับซ้อน แต่ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการเติบโตได้อย่างมหาศาล
 
ทั้งนี้ มองว่าโอกาสที่มีอยู่ในอุตสาหกรรมค้าปลีก อีคอมเมิร์ซ และภาคการบริโภคของชนชั้นกลางในอินเดีย ซึ่งกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ อินเดียยังมีข้อได้เปรียบด้านระบบเศรษฐกิจ เช่น ระบบ GST ที่ช่วยลดภาระด้านภาษี และแรงจูงใจจากแต่ละรัฐที่มุ่งส่งเสริมการลงทุน หากเลือกพื้นที่ที่เหมาะสมและกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน อินเดียสามารถตอบสนองความคาดหวังและสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่า
 
ดร.จานเมจายา สินา ประธานบริษัท Boston Consulting Group ประจำอินเดีย กล่าวว่า อินเดียกำลังเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเชิงเศรษฐกิจและวัฒนธรรม การให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพและความงาม รวมถึงการเปิดรับบริการที่มีคุณภาพสูงเป็นแนวโน้มที่ชัดเจนในตลาดนี้ ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีมาตรฐานการบริการที่ดีที่สุดในโลก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งความแข็งแกร่งนี้สามารถเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในอินเดียได้ นอกจากนี้ ความเชี่ยวชาญของไทยในด้านบริการยังสามารถต่อยอดเพื่อส่งเสริมการเติบโตในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องในตลาดอินเดียอีกด้วย
 
นอกจากนี้ ภาคการผลิตในอินเดีย เช่น อิเล็กทรอนิกส์และเคมีภัณฑ์ ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง ทำให้เป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการที่มองหาพื้นที่ลงทุนระยะยาว เช่นเดียวกับคาดการณ์เติบโตของ GDP จากปัจจุบัน 3.6 ล้านล้านดอลลาร์ ก็เชื่อว่าจะเพิ่ม 7 ล้านล้านดอลลาร์ หรือเพิ่มเป็นสองเท่าภายในปี 2030 สะท้อนให้เห็นว่าอินเดียเป็นตลาดที่มีศักยภาพอย่างมากสำหรับทุกอุตสาหกรรม
 
ขณะที่นายนาเคศ สิงห์ เอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย กล่าวว่า ความหลากหลายทางภูมิภาคของอินเดีย ซึ่งประกอบด้วยทั้งรัฐขนาดเล็กและใหญ่ที่มีประชากรมากกว่าหลายประเทศ รวมถึงความซับซ้อนทางวัฒนธรรม เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องคำนึงถึง โดยการเข้ามาลงทุนในอินเดีย จำเป็นต้องมีความอดทนและเข้าใจกับระบบท้องถิ่น ควรมีพันธมิตรที่เชื่อถือได้ และมีความรู้ลึกซึ้งเกี่ยวกับตลาดที่จะช่วยให้การดำเนินธุรกิจราบรื่นขึ้น ทั้งนี้ แนะนำให้ผู้ประกอบการศึกษาเกี่ยวกับรัฐที่เหมาะสมสำหรับการลงทุน เนื่องจากรัฐต่างๆ ในอินเดียมีสิ่งจูงใจและข้อเสนอที่แตกต่างกันไป เช่น รัฐเบงกอลตะวันตก และรัฐทางตอนใต้ที่มีโครงสร้างพื้นฐานพร้อมรองรับ
 
นางสาวภัทรัตน์ หงษ์ทอง เอกอัครราชทูตไทยประจำสาธารณรัฐอินเดีย ได้แบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับตลาดอาหาร สัตว์เลี้ยง และเครื่องสำอางในอินเดีย ซึ่งกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มชนชั้นกลางที่มีการบริโภคเพิ่มขึ้น โดยประเทศไทยมีศูนย์การค้าในเมืองสำคัญของอินเดีย เช่น เดลี เชนไน และมุมไบ ซึ่งสามารถช่วยผู้ประกอบการไทยในการขยายตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือของการศึกษากฎระเบียบ เช่น การขออนุญาตนำเข้าอาหารที่ต้องผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานอย่างสำนักงานความปลอดภัยและมาตรฐานอาหารของอินเดีย (FSSAI) รวมถึงการพัฒนากลยุทธ์การโปรโมตสินค้าเพื่อแข่งขันในตลาด ซึ่งด้วยการเตรียมตัวที่ดี อุตสาหกรรมเหล่านี้สามารถเป็นโอกาสสำคัญสำหรับผู้ประกอบการไทยในการขยายธุรกิจในภูมิภาคนี้