Phones





CIMBT ประกาศงบปี 67 กำไรโต 77% สู่ระดับ 2.8 พันลบ.

2025-01-21 15:43:54 71



 
นิวส์ คอนเน็คท์ – CIMBT ประกาศงบการเงินปี 67 มีกำไรสุทธิ 2,852.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77.7%  รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการดำเนินงานที่ทำได้ 15,102.6 ล้านบาท เติบโต 9.7% หรือ 1,331 ล้านบาท รวมถึงการเพิ่มของรายได้ค่าธรรมเนียม และการเติบโตของสินเชื่อ  
 
เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2568 นายพอล วอง ชี คิน กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ CIMBT เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารในปี 2567 มีกำไรสุทธิจำนวน 2,852.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 1,246.8 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 77.7% จากปีก่อน โดยเป็นผลจากรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 9.7% และผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลง 13.7% ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 2.6%
 
ทั้งนี้ รายได้จากการดำเนินงานของธนาคารในปี 2567 อยู่ที่ 15,102.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 1,331 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9.7% จากปีก่อน เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการดำเนินงานอื่นจำนวน 1,388,8 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 49.4% ส่วนใหญ่เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน หนี้สูญรับคืนและกำไรจากเงินลงทุนสุทธิกับการลดลงของกำไรสุทธิจากการขายสินเชื่อด้อยคุณภาพ รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้น 237.4 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 19.9% ส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากให้บริการชำระค่าสินค้าและบริการชำระเงิน และค่าธรรมเนียมการโอนเงินและเรียกเก็บเงิน ในส่วนของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลง 295.2 ล้านบาท ลดลง 3.0% เนื่องจากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเติบโตสูงกว่าการเติบโตของรายได้ดอกเบี้ย  
 
ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจำนวน 224.7 ล้านบาท หรือ 2.6% สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าเผื่อการด้อยค่าของทรัพย์สินรอการขายสุทธิกับการลดลงของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน  อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ต่อรายได้จากการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2567 อยู่ที่ 58.7% ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบปี 2566 อยู่ที่ 62.7% เป็นผลมาจากการเติบโตของรายได้จากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (NIM) อยู่ที่ 2.2% ลดลงจากปี 2566 อยู่ที่ 2.6% เป็นผลจากต้นทุนเงินฝากที่เพิ่มขึ้น
 
สำหรับเงินให้สินเชื่อสุทธิจากรายได้รอตัดบัญชีของกลุ่มธนาคารอยู่ที่ 2.51 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.6% จากปีก่อนหน้า เงินฝาก รวมตั๋วแลกเงิน หุ้นกู้ และผลิตภัณฑ์ทางการเงินบางประเภท อยู่ที่จำนวน 3.24 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.4% จากสิ้นปี 2566 ซึ่งมีจำนวน 3.1 แสนล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝาก (the Modified Loan to Deposit Ratio) ของกลุ่มธนาคารลดลงเป็น 77.6% จาก 78.9% ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2566
 
ในส่วนของสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLs) อยู่ที่ 6.7 พันล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ ต่อเงินให้สินเชื่อทั้งสิ้นอยู่ที่ 2.6% ลดลงเมื่อเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธ.ค. อยู่ที่ 3.3% สาเหตุเกิดจากการขายสินเชื่อด้อยคุณภาพในระหว่างงวด 2567 การบริหารจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ การปรับปรุงการบริหารคุณภาพสินทรัพย์ และกระบวนการในการเก็บหนี้ อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2567 อยู่ที่ 137.9% เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2566 ซึ่งอยู่ที่ 124.2% ค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นของกลุ่มธนาคารอยู่ที่จำนวน 9.0 พันล้านบาท ซึ่งเป็นเงินสำรองส่วนเกินตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทยจำนวน 1.5 พันล้านบาท เงินกองทุนรวมของกลุ่มธนาคาร ณ สิ้นวันที่ 31 ธ.ค. 2567 มีจำนวน 5.98 หมื่นล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยง 21.6% โดยเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่ระดับ 17.0%