ในส่วนของยุทธศาสตร์หลักที่ 2 ขยายธุรกิจรายได้ค่าธรรมเนียม ด้วยการให้บริการโซลูชันการลงทุนและการชําระเงิน ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าผ่านช่องทางที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละกลุ่ม ได้แก่ กลุ่มธุรกิจบริหารจัดการความมั่งคั่ง (Wealth Business) ธนาคารมุ่งเน้นส่งเสริมบริการด้านการลงทุน และการเป็นที่ปรึกษาการลงทุนที่เป็นที่ไว้วางใจ (Trusted Advisor) อย่างต่อเนื่อง ด้วยโซลูชันการลงทุนที่หลากหลาย ผ่านการให้คําปรึกษาจัดพอร์ตการลงทุนแบบ “Core & SatelliteW ใช้ความแข็งแกร่งจากพันธมิตรระดับโลก และความเชี่ยวชาญในประเทศ ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายและระดับความเสี่ยงที่ลูกค้ายอมรับได้ ด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน และการให้บริการการลงทุนที่สะดวกสบายผ่านแพลตฟอร์ม K PLUS รวมทั้ง บริการ 'Better Finance for Better Life' บน K PLUS ที่รวมการบริหารพอร์ตการเงินและการติดตามการใช้จ่ายให้แก่ลูกค้า โดยในปี 2568 ธนาคารจะยังคงนำเสนอโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างครอบคลุม ขยายและยกระดับผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ซับซ้อนผ่านประสบการณ์ดิจิทัล (Digital Experience) ควบคู่ไปกับการเสริมความแข็งแกร่ง และการเป็นศูนย์กลางความรู้ผ่าน K-Wealth ต่อยอดความเป็นอันดับหนึ่งด้านกองทุนของ บลจ. กสิกรไทยอย่างต่อเนื่อง
กลุ่มธุรกิจการชําระเงิน (Payment Business) ธนาคารมีบริการชำระเงินที่หลากหลาย โดยมี K PLUS เป็นจุดเชื่อมต่อบริการ ซึ่งปัจจุบัน จำนวนธุรกรรมออนไลน์ในประเทศไทย 1 ใน 3 ทำผ่าน K PLUS อีกทั้ง ธนาคารมีบริการเด่น อาทิ การให้บริการโอนเงินข้ามประเทศ (Remittance) ที่สามารถโอนเงิน 25 สกุลเงิน ใน 150 ประเทศทั่วโลก การเชื่อมต่อกับบริการชำระเงินด้วย QR Payment ระหว่างประเทศผ่าน Alipay+ และ WeChat การแลกเงินผ่านตู้ ATM และ FX Booth ครอบคลุมพื้นที่ยุทธศาสตร์ การบริการ K PLUS Go Inter บริการท่องเที่ยวระหว่างประเทศในที่เดียว ในปี 2568 ธนาคารจะยังคงพัฒนาบริการชําระเงินโดยมี K PLUS เป็นแพลตฟอร์มหลัก ควบคู่ไปกับการขยายเข้าไปรองรับระบบนิเวศในธุรกิจร้านค้า เพื่อให้รับชำระเงินได้หลากหลาย
ขณะที่ยุทธศาสตร์หลักที่ 3 เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับช่องทางต่าง ๆ ธนาคารมุ่งส่งมอบประสบการณ์ของลูกค้าในการใช้งานในช่องทางต่างๆ โดยเน้นผ่านช่องทางดิจิทัลเป็นหลัก ด้วย K PLUS ตั้งเป้าเพิ่มจํานวนผู้ใช้ K PLUS จาก 23.1 ล้านคนเป็น 23.9 ล้านคน รวมทั้งพัฒนาแอปพลิเคชัน K BIZ ให้ใช้งานง่ายยิ่งขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการทางธุรกิจที่หลากหลาย โดยตั้งเป้าผู้ใช้งาน K BIZ จาก 1.2 ล้านคนเป็น 2.1 ล้านคน ในปี 2568