ทั้งนี้ ปัจจุบัน AI ถูกใช้เพื่อสร้างดีปเฟค (Deepfake) ซึ่งเป็นวิดีโอหรือเสียงที่ถูกดัดแปลงให้เหมือนบุคคลจริงเพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท็จและทำการหลอกลวง นอกจากนี้ AI ยังกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการโจมตีแบบฟิชชิ่ง โดยสามารถสร้างอีเมลส่วนบุคคลหรือแชทบอทอัตโนมัติที่มีความสมจริงสูงเพื่อหลอกให้เหยื่อเปิดเผยข้อมูลสำคัญหรือลิงก์ที่เป็นอันตราย นำไปสู่การขโมยข้อมูลและความเสียหายทางการเงิน ขณะเดียวกัน มัลแวร์ที่ใช้ AI สามารถแฝงตัวเข้าสู่ระบบผ่านไฟล์แนบและลิงก์ โดยอาศัยการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ ปรับตัวเข้ากับมาตรการรักษาความปลอดภัย และแพร่กระจายตัวเองไปยังเครือข่ายอื่น ๆ โดยที่เหยื่อไม่รู้ตัว นอกจากนี้ บอทที่ขับเคลื่อนด้วย AI และบัญชีปลอมในสื่อสังคมออนไลน์ยังมีส่วนในการแพร่กระจายข้อมูลเท็จและสร้างกระแสปลอม ทำให้โลกออนไลน์กลายเป็นพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการถูกหลอกลวงมากยิ่งขึ้น
สำหรับ World ID เป็นระบบที่ช่วยพิสูจน์ความเป็น ‘มนุษย์’ บนอินเทอร์เน็ต โดยช่วยให้บุคคลสามารถยืนยันว่าเป็นมนุษย์จริงและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว (ไม่ใช่บอท) โดย World ID ใช้ระบบ Zero-Knowledge Proofs (ZKP) ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวทำให้สามารถยืนยันความเป็นมนุษย์ได้โดยไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ หมายเลขโทรศัพท์ หรืออีเมล ดังนั้น เทคโนโลยีนี้จะช่วยป้องกันการสร้างบัญชีปลอม ลดการแพร่กระจายของข้อมูลเท็จ และป้องกันการฉ้อโกงทางดิจิทัล อีกทั้งยังช่วยรักษาข้อมูลส่วนบุคคลจากการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต และลดความเสี่ยงจากการหลอกลวงทางไซเบอร์ ทำให้มั่นใจได้ว่าคุณกำลังโต้ตอบกับมนุษย์จริงบนโลกออนไลน์
ผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลด World App เพื่อสมัครใช้ World ID ได้ทาง Apple App Store และ Google Play Store จากนั้นสามารถนัดหมายเพื่อยืนยันความเป็นมนุษย์ของตนเองได้ที่งาน World Space Pop-up ณ CentralWorld ระหว่างวันที่ 17 ก.พ. – 2 มี.ค. 2568 และเรียนรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ World ID ได้ฟรี โดยในอนาคต World จะขยายจุดให้บริการไปทั่วประเทศไทย เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้สะดวกยิ่งขึ้น ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: https://world.org/th-th/welcome