Phones





PRM ธุรกิจหลักสุดแกร่ง หนุนกำไรโต 30.7%

2025-05-16 14:39:37 82




นิวส์ คอนเน็คท์ - PRM ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1/68 มีกำไรสุทธิที่ 769.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.7% รับแรงหนุนจากการเติบโตของ 5 ธุรกิจหลัก รวมทั้งมีกำไรพิเศษจากการขายเรือ FSU จำนวน 1 ลำ เป็นจำนวน 163.6 ล้าน
 
เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/2568 บริษัทมีกำไรสุทธิ 769.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.7% จากช่วงเดียวกันกับปีก่อน เป็นผลมาจากการดำเนินงานที่เป็นไปตามแผนในทุกธุรกิจ กองเรือใหม่ทั้ง 4 ลำ ในธุรกิจ OSV เข้าทำงานครบตามแผนงาน รวมถึงได้กำไรจากการขายเรือ Floating Storage Unit (FSU) ที่ครบอายุการใช้งานจำนวน 1 ลำ ช่วยหนุนการเติบโตของกำไรสุทธิอีกทาง
 
โดยในไตรมาส 1/2568 ธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปและเคมี (PCT) เติบโตขึ้นจากไตรมาส 1/2567 และไตรมาส 4/2567 ทั้งรายได้และกำไรขั้นต้น จากอัตราการใช้เรือเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นสอดคล้องกับการขนส่งน้ำมันอากาศยานที่สูงขึ้นในฤดูกาลท่องเที่ยวของประเทศไทย และจำนวนเรือเข้าอู่แห้งและซ่อมบำรุงตามแผนงานลดลง ขณะที่ธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันดิบ (COC) มีรายได้ลดลงตามแผนการปรับแผนธุรกิจที่นำเรือขนส่งน้ำมันดิบขนาด Aframax มาดัดแปลงให้เป็นเรือ Floating Storage and Offloading Unit (FSO) ภายใต้ธุรกิจ OSV เพื่อสร้างผลตอบแทนระยะยาวและใช้สินทรัพย์ของบริษัทฯ ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เนื่องจากสัญญาให้บริการเรือ FSO ที่บริษัทได้รับจากลูกค้า มีระยะเวลาของสัญญายาวสูงสุดถึง 10 ปี ในขณะที่เรือลำดังกล่าวมีอายุคงเหลือในรูปแบบเรือขนส่งน้ำมันดิบเพียง 1 ปี
 
ในส่วนของธุรกิจเรือกักเก็บและผสมน้ำมันกลางทะเล (Floating Storage Unit “FSU”) แม้ว่ามีรายได้และกำไรขั้นต้นลดลงจากไตรมาส 1/2567 และ 4/2567 อันเนื่องมาจากการขายเรือ FSU ที่มีอายุมาก ออกไปทั้งหมด 1 ลำ แต่อัตรากำไรขั้นต้นของไตรมาส 1/2568 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 55.3% จากอัตราการใช้เรือที่สูงขึ้น รวมถึงได้รับข่าวดีจากการที่เรือ FSU ลำใหม่ที่บริษัทซื้อเข้ามาทดแทนเรือที่ขายออกไป เริ่มให้บริการลูกค้ารายใหม่ในเดือนพ.ค. 2568 นี้
 
สำหรับธุรกิจเรือสนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล (Offshore Support Vessel “OSV”) เติบโตจากการให้บริการเรือลำใหม่อีก 4 ลำ ในระหว่างไตรมาส 1/2568 นี้ ซึ่งถึงแม้ว่าผลการดำเนินงานจะได้รับผลกระทบจากการเข้าอู่แห้งของเรือ AWB 1 ลำ และการแข็งค่าของเงินบาท แต่การขยายงานและเพิ่มเรือให้บริการทั้ง 4 ลำดังกล่าว ช่วยทำให้ธุรกิจ OSV มีรายได้และกำไรขั้นต้นที่สูงกว่า ไตรมาส 1/2567 และ 4/2567 อย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงธุรกิจ OSV มีแนวโน้มโตต่อเนื่องในไตรมาส 2/2568 จากการที่เรือ AWB กลับเข้าทำงานตามปกติ และเรือใหม่ทั้ง 4 ลำจะรับรู้รายได้เต็มทั้งไตรมาส ส่วนธุรกิจตัวแทนสายเดินเรือและออกของ (SAS) ที่มีรายได้และกำไรขั้นต้นเติบโตขึ้นจากไตรมาส 1/2567 อย่างมีนัยสำคัญ จากการขยายธุรกิจโดยการเข้าซื้อ บจก. วี.ซี.ชิปปิ้ง แอนด์ เซอร์วิส (VC) ในเดือนต.ค. 2567 ที่ผ่านมา
 
ทั้งนี้ นอกจากรายได้จาก 5 ธุรกิจหลักแล้ว ทบริษัทยังมีกำไรพิเศษจากการขายเรือ FSU จำนวน 1 ลำ เป็นจำนวน 163.6 ล้านบาท และสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลง 20.2% จากไตรมาส 4/67 พร้อมตุนเงินสดในมือกว่า 4 พันล้านบาท เตรียมจ่ายเงินปันผลคืนกำไรให้ผู้ถือหุ้นในวันที่ 23 พ.ค. นี้ และสนับสนุนการลงทุนในช่วงครึ่งหลังของปี
 
“PRM สามารถทำกำไรสุทธิได้อย่างน่าประทับใจในช่วงไตรมาส 1/68 พร้อมกับมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในไตรมาสที่ 2/68 และยังคงให้คำสัญญาที่จะมุ่งเน้นในการสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ไปพร้อมกับการยึดมั่นในแนวคิดของการทำธุรกิจที่มีความยั่งยืนควบคู่ไปด้วย เพื่อให้สามารถสร้างผลตอบแทนและผลประโยชน์สูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้น” นายวิริทธิ์พล