Phones





CHAYO ลุยแผนซื้อหนี้หมื่นล. โบรกชี้เป้า 3 บ.

2025-04-25 11:20:59 78



นิวส์ คอนเน็คท์ - CHAYO เคาะจ่ายปันผลเป็นหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.0125 บาท ในอัตรา 40 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล และจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.0013889 บาทต่อหุ้น พร้อมเดินหน้าแผนซื้อหนี้เสียเพิ่มอีก 10,000 ล้านบาท ด้วยเงินลงทุน 500 - 1,000 ล้านบาท หนุนรายได้ปี 68 โตไม่ต่ำกว่า 20% ด้านบล.ทรีนีตี้ มองราคาหุ้นที่อ่อนตัวลงมาทําให้ยังมี Upside จากราคาเป้าหมายใหม่ ยังคงคําแนะนํา “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 3.00 บาท

เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2568 - นายสุขสันต์ ยศะสินธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CHAYO เปิดเผยว่า ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติทุกวาระพร้อมอนุมัติจ่ายปันผลเป็นหุ้นปันผลและเงินสด โดยจ่ายปันผลเป็นหุ้นสามัญในอัตราหุ้นละ 0.0125 บาทต่อหุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตรา 40 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล และจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.0013889 บาทต่อหุ้น รวมเป็นอัตราการจ่ายปันผลรวม 0.0138889 บาทต่อหุ้น และอนุมัติการแจกใบสำคัญแสดงสิทธิให้กับผู้ถือหุ้น (RIGHTS OFFERING) ในอัตรา 9 หุ้นเดิมต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลและใบสำคัญแสดงสิทธิ (CHAYO-W4) หรือ RECORD DATE เป็นวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 และจะขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 2 พฤษภาคม 2568

ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจในปี 68 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้โตไม่ต่ำกว่า 20% โดยมีแผนเดินหน้าซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPL&NPA) มาบริหารอย่างต่อเนื่อง และตั้งเป้าซื้อหนี้เสียเพิ่มอีกประมาณ 10,000 ล้านบาท ด้วยเงินลงทุน 500 - 1,000 ล้านบาท โดย ณ สิ้นเดือนธันวาคม ปี 2567 บริษัทฯ บริหารหนี้เสียอยู่ประมาณ 104,350 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นหนี้มีหลักประกันประมาณ 18,469 ล้านบาท และหนี้ที่ไม่มีหลักประกันประมาณ 85,881 ล้านบาท (ไม่รวมทรัพย์สินรอการขายหรือ NPA อีกจำนวน 664 ล้านบาท)

โดยในช่วงครึ่งปีแรกจะเป็นโลว์ซีซั่นของธุรกิจที่สถาบันการเงินจะเปิดประมูลขายหนี้เสียออกมา ประกอบกับในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้มีมาตรการ “คุณสู้เราช่วย” เข้ามาเสริม จึงคาดว่าในช่วงครึ่งปีแรกจะมีหนี้เสียออกมาขายน้อยกว่าครึ่งปีหลัง ซึ่งโดยปกติบริษัทจะไม่เร่งซื้อหนี้ด้อยคุณภาพใหม่เข้ามาเติมพอร์ตในช่วงครึ่งปีแรก แต่จะไปเน้นในช่วงครึ่งปีหลัง โดยบริษัทประเมินว่าจะมีจำนวนหนี้ด้อยคุณภาพที่เปิดประมูลปีนี้อยู่ที่ระดับ 2 - 4 แสนล้านบาท 

ด้านบริษัท หลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ประเมินว่า บริษัทได้ปรับลดประมาณการกําไรปี 2568 จากประมาณการก่อนหน้าเหลือ 317 ล้านบาท เติบโต 32% จากปีก่อน โดยปรับลดสมมติฐานยอดจัดเก็บลง และปรับเพิ่มประมาณการ ECL อย่างไรก็ตามคาดว่ายอดจัดเก็บโดยรวมจะยังเติบโตได้ แม้อาจไม่ดีอย่างที่คาดไว้ก่อนหน้า ส่วน ECL คาดว่าจะไม่เห็นการตั้งก้อนใหญ่เช่นในปีก่อนแล้ว สําหรับแนวโน้มกําไรไตรมาส 1/68 คาดว่าจะเห็นกําไรเติบโตสูงทั้งไตรมาสก่อน และช่วงเดียวกันกับปีก่อน เนื่องจากในไตรมาส 1/67 และไตรมาส 4/67 มีการบันทึก ECL ก้อนใหญ่ทั้งสองไตรมาส

อย่างไรก็ตามบริษัทได้ปรับลดราคาเป้าหมายปี 2568 ลงเหลือ 3.0 บาท อิง PBV 0.7 เท่า (ภายใต้สมมติฐาน ROE ที่ 7.5%) จากเดิมที่ 4.0 บาท อ้างอิง PBV 1.0 เท่า (ภายใต้สมมติฐาน ROE ที่ 9.0%) เพื่อสะท้อนการปรับลดประมาณการกําไร จากความเสี่ยงของสภาวะเศรษฐกิจอาจส่งผลต่ออัตราการจัดเก็บหนี้และกระแสเงินสด อย่างไรก็ตามราคาหุ้นที่อ่อนตัวลงมาทําให้ยังมี Upside จากราคาเป้าหมายใหม่ จึงยังคงคําแนะนํา “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 3.00 บาท