นิวส์ คอนเน็คท์ - HFT แย้มผลงานไตรมาส 2/68 แข็งแกร่ง ไม่หวั่นสงครามราคาจากผู้ผลิตยางจีนในตลาดฟิลิปปินส์ มั่นใจรักษาฐานลูกค้าและมาร์เก็ตแชร์ไว้ได้ พร้อมตุนคำสั่งซื้อจากลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศยาวถึงไตรมาส 3/68 หนุนรายได้รวมปี 68 เติบโต 5-10% ตามเป้าหมาย

เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2568 นายจวง จื้อ เหยา Vice President บริษัท ฮั้วฟงรับเบอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ HFT เปิดเผยว่า  แนวโน้มผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2568 คาดว่าจะสามารถเติบโตได้ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าจะเผชิญกับช่วงสภาวะเศรษฐกิจและการส่งออกที่ชะลอตัว แต่บริษัทยังคงได้รับคำสั่งซื้อ(ออเดอร์)จากกลุ่มลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยปัจจุบันบริษัทมีออเดอร์ถึงไตรมาส 3/2568 แล้ว สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของฐานลูกค้าและความเชื่อมั่นในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ รวมทั้งยังมีการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยบริษัทได้ดำเนินการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปและเริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบตั้งแต่เดือนม.ค. 2568 ที่ผ่านมา ช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าและสนับสนุนเป้าหมายด้านความยั่งยืนขององค์กร

ขณะที่ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 บริษัทอยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์การแข่งขันในตลาดฟิลิปปินส์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะจากผู้ผลิตรายใหม่จากประเทศจีนที่เริ่มเข้ามารุกตลาดในภูมิภาค ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อส่วนแบ่งทางการตลาดและระดับราคาขายสินค้าในอนาคต อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าด้วยจุดแข็งด้านคุณภาพสินค้าและความเชี่ยวชาญในการผลิตยางรถจักรยานยนต์ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม รวมถึงการให้บริการหลังการขายที่มีประสิทธิภาพจะช่วยสร้างความแตกต่างและรักษาความเชื่อมั่นจากลูกค้าได้เป็นอย่างดี จึงสามารถรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ได้ ทั้งนี้ประเมินว่าสถานการณ์ดังกล่าวยังไม่น่าจะส่งผลกระทบยอดขายอย่างมีนัยสำคัญ โดยยังคงตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2568 จะเติบโต 5–10%

“แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจและตัวเลขการส่งออกโดยรวมจะชะลอตัวลงในช่วงที่ผ่านมา แต่สถานการณ์ดังกล่าวยังไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากกลุ่มลูกค้าส่งออกส่วนใหญ่เป็นลูกค้าในลักษณะ OEM ซึ่งมักมีการกำหนดสเปกสินค้าไว้ล่วงหน้าแล้ว ส่งผลให้คำสั่งซื้อยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเบื้องต้นบริษัทได้มีการหารือร่วมกับลูกค้าเพื่อหาแนวทางรับมือสำหรับสถานการณ์ดังกล่าว และจนถึงขณะนี้ยังไม่พบสัญญาณผลกระทบในเชิงลบจากลูกค้าแต่อย่างใด” นายจวง จื้อ เหยา กล่าว