Phones





โบรกประสานเสียง เชียร์ “ซื้อ” TEGH เคาะเป้า 5 บ.

2025-06-10 20:51:00 113



 
นิวส์ คอนเน็คท์ - โบรกเกอร์เชียร์ “ซื้อ” หุ้น TEGH เคาะราคาเป้าหมายสูงสุด 5 บาท/หุ้น รับแรงหนุนคาดการณ์กำไรปกติปี 68 ที่ระดับ 723 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.2% จากปีก่อน และทำ New High ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันสามารถคาดหวังปันผลได้สูง 9-10% ต่อปี ประเมินยอดคำสั่งซื้อยาง EUDR ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้พุ่งแรง รองรับการผลิต และการส่งออกในปีหน้า
 
เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัทหลักทรัพย์หลายแห่งให้คำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น TEGH หรือ บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) โดยบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เผยแพร่บทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEGH โดยระบุว่า แนวโน้มกำไรปกติในไตรมาส 2/2568 ดูดีกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้า แม้ราคายาง SICOM ช่วงเดือนเมษายนจะปรับลดลง แต่บริษัทมีการล็อคราคาขายล่วงหน้าแล้วราว 2-3 เดือน ทำให้ราคาขายเฉลี่ยจะยังทรงตัวระดับสูงจากไตรมาสก่อนหน้า ส่วนปริมาณการขายคาดว่าชะลอลงบ้างจากลูกค้าบางกลุ่มที่อาจรอ Wait and see สถานการณ์เรื่องภาษีของสหรัฐฯ แต่ไม่ได้มีนัยสำคัญ
 
ในส่วนของธุรกิจน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) คาดว่าจะกลับมามีกำไรสุทธิได้ในไตรมาส 2/2568 จากไตรมาสแรกที่รับรู้เป็นขาดทุน 60-70 ล้านบาท หลังจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของปริมาณผลผลิตปาล์ม ทำให้วัตถุดิบทะลายปาล์มสดจะเข้าโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบได้มากขึ้นหนุน Utilization-rate และประสิทธิภาพการผลิต ทั้งนี้ โดยภาพรวมประเมินแนวโน้มกำไรปกติในไตรมาส 2/2568 เบื้องต้นในกรอบ 190-240 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า จากธุรกิจยางคาดว่าทรงตัว แต่มีปัจจัยหนุนการเติบโตจากธุรกิจน้ำมันปาล์มดิบ
 
ขณะที่แนวโน้มไตรมาส 3/2568 แม้จะเริ่มรับรู้ราคาขายเฉลี่ยธุรกิจยางที่ปรับลงตาม SICOM แต่บริษัทมีแผนบริหารจัดการต้นทุนทำให้ Spread ของยางและ GPM อาจไม่ต่างจากปัจจุบันมากนัก และจะชดเชยด้วยปริมาณขายยาง EUDR ที่สูงขึ้นจากการที่ลูกค้าต้องกลับมาเตรียมสต็อกวัตถุดิบสำหรับการขายปี 2569 ที่กฎ EUDR จะมีการบังคับใช้ แต่ยังคงมีมุมที่ระมัดระวังต่อแนวโน้ม Spread ยางในไตรมาส 3/2568 เบื้องต้นประเมินกำไรชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้า แต่เติบโตเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน หากแนวโน้มออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ คาดว่าจะเป็น Upside ต่อประมาณการในปี 2568
 
ด้านธุรกิจพลังงานหมุนเวียน (TEBP) ปัจจุบันมีรายได้และกำไรเติบโตต่อเนื่อง แม้สัดส่วนรายได้ไม่สูง (ไตรมาส 1/2568 เพียง 1%) แต่มี GPM ที่สูงถึง 45-50% และบริษัทมีแผนขยายกำลังการผลิตต่อเนื่อง ทำให้รายได้ที่เติบโตสูงล้วนแต่จะเป็นปัจจัยหนุนกำไรสุทธิของ TEGH นอกจากนี้ปัจจุบันแผนการ IPO บริษัทได้ยื่นไฟลิ่งให้ ก.ล.ต. แล้ว คาดว่าจะได้รับอนุมัติในไตรมาส 4/2568 และเข้าตลาดฯ ช่วงครึ่งปีแรก 2569 จะเป็น Upside ต่อการปลดล็อคมูลค่าธุรกิจ และหนุนการเติบโตของธุรกิจพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น
 
ทั้งนี้ ยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2568 ที่ 723 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.2% จากปีก่อน และทำนิวไฮ ขณะที่ราคาหุ้นมี PER เพียง 4.3 เท่า สะท้อนปัจจัยลบและความกังวลด้านปัจจัยมหภาคไปพอสมควรแล้ว และยังไม่สะท้อนแนวโน้มผลประกอบการที่เติบโต และราคาหุ้นปัจจุบันสามารถคาดหวังปันผลได้สูง 9-10% ต่อปี จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเหมาะสม 5.00 บาท เหมาะสำหรับซื้อลงทุนระยะยาว
 
ขณะที่บล.ทรีนีตี้ จำกัด เผยแพร่บทวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อ” TEGH ให้ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 4.90 บาท อิง PER 9 เท่า โดยประเมินแนวโน้มกำไรปีนี้ค่อนข้างสดใส เนื่องจากธุรกิจยางได้รับแรงหนุนจากความต้องการยาง EUDR ที่ยังสูงต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีลูกค้าอีกหลายรายที่ต้องเริ่มสั่งยาง EUDR ในช่วงครึ่งหลังของปี เพื่อรองรับการผลิตและการส่งออกในปีหน้า ขณะที่ธุรกิจปาล์ม นอกจากจะมีปัจจัยบวกภายในจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตด้วยการเพิ่มหม้อนึ่งใหม่ ยังมีผลบวกจากฤดูกาล เนื่องจากคาดว่าปริมาณฝนที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ เทียบกับภาวะแล้งในปีก่อนหน้า จะทำให้ปริมาณปาล์มโดยรวมเพิ่มขึ้น และอาจทำให้ราคารับซื้อผลปาล์มปรับตัวลงได้
 
ส่วนธุรกิจพลังงาน คาดว่าจะเห็นรายได้และกำไรเติบโตแบบก้าวกระโดด หลังสามารถรับรู้การขายก๊าซชีวภาพให้กับ GGC สำหรับประเด็นการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ เนื่องจากมีการยกเว้นภาษียางดิบที่นำเข้า ส่วนล้อยางที่มีการส่งออกส่วนใหญ่เป็นผู้ผลิตยางล้อของสหรัฐฯ เองที่มาตั้งฐานการผลิตในไทย โดยหากมีการย้ายฐานการผลิต คาดว่าจะยังมีการนำเข้ายางแท่งจากทางบริษัทอยู่ดี ทำให้มองผลกระทบเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวไม่มาก
 
ด้านบล.โกลเบล็ก จำกัด เผยแพร่บทวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อ” TEGH โดยระบุว่า ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อภาพการเติบโตของรายได้ในปี 2568 สำหรับประเด็นภาษี Reciprocal Tariffs ของประธานาธิบดีทรัมป์ บริษัทไม่ได้รับผลกระทบเนื่องจากสินค้ายางแท่งของบริษัทซึ่งอยู่ในรายการสินค้าที่ได้รับการยกเว้นภาษี (อ้างอิง Annex II) ขณะที่ธุรกิจปาล์มน้ำมัน คาดว่าจะฟื้นตัวจากปีก่อนที่มีสภาวะเอลนีโญ ทำให้ผลผลิตปาล์มออกมาน้อย ทั้งนี้ Bloomberg Consensus คาดการณ์กำไรปี 2568 ราว 650 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% จากปีก่อน มีราคาเหมาะสมเฉลี่ย 4.25 บาท มี Upside 49% จึงแนะนำ “ซื้อ