Phones





EXIM BANK สนุนผู้ประกอบการปรับปรุงการผลิต-นวัตกรรมสินค้า

2021-12-16 19:01:05 358



 
นิวส์ คอนเน็คท์ - EXIM BANK ชี้ธุรกิจไทยต้องเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยนวัตกรรมด้านกระบวนการผลิตหรือสินค้าตามกระแสโลกด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล และการดูแลรักษาสุขภาพ เตรียมบริการตอบโจทย์การปรับปรุงการผลิตและการพัฒนาสินค้า รวมถึงช่องทางการค้าออนไลน์ ตอบสนองความต้องการผู้บริโภคยุค Next Normal
 
เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2564 ดร.พสุ โลหารชุน ประธานกรรมการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) กล่าวเปิดงานเสวนาออนไลน์ “A Better World in the Next Normal” ว่า EXIM BANK มุ่งสู่การเป็นธนาคารเพื่อการพัฒนาของประเทศไทย ยึดมั่นในการเป็นธนาคารที่มีความรับผิดชอบต่อระบบเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม อันจะนำไปสู่การเป็นธนาคารที่ยั่งยืน จึงพร้อมสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการโดยเฉพาะอย่างยิ่ง SMEs ให้เติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน เนื่องจากความยั่งยืนเป็นแนวทางสำคัญในการพัฒนาคนและโลกในอนาคต ทั้งในแง่มุมของทรัพยากรธรรมชาติ ทรัพยากรมนุษย์ และทรัพยากรทางสังคม ภาคธุรกิจจึงต้องให้ความใส่ใจต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการเติบโตของธุรกิจด้วย
 
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า ทางรอดของธุรกิจในโลกยุค Next Normal คือ การเชื่อมโยงธุรกิจและผลิตสินค้าที่สร้างผลกระทบในเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม การพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล และการดูแลรักษาสุขภาพของประชากรโลก (More Green, More Digital, More Health) อาทิ การดำเนินธุรกิจที่ลดการปล่อยมลพิษ การใช้แพลตฟอร์มการค้าออนไลน์เป็นช่องทางส่งออกสินค้า
 
โดยคาดว่าภายในปี 68 ประชากรของโลกจะซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์จำนวนสูงถึง 60% และการบริโภคสินค้าอาหารเพื่อสุขภาพมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอาหารออร์แกนิก (Organic Food) อาหารจากพืชผัก (Plant-based Food) และอาหารฟังก์ชัน (Functional Food) ที่มีสารประกอบในอาหารทำหน้าที่พิเศษกว่าการให้สารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย จะมีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้น 10-15% ต่อปี ภายในปี 70
 
ทั้งนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปตามการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังไม่สิ้นสุด ขณะที่รัฐบาลในหลายประเทศเริ่มกำหนดกฎระเบียบและมาตรการทางการค้าระหว่างประเทศที่เชื่อมโยงกับสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยด้านสุขอนามัยของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น เหล่านี้ทำให้ผู้ประกอบการไทยต้องเร่งปรับตัวทางธุรกิจให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงและสอดคล้องกับกฎระเบียบ มาตรการทางการค้าระหว่างประเทศ และความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่
 
สำหรับ “สมการธุรกิจโตยั่งยืน” จะเป็นสูตรสำเร็จที่ช่วยให้ธุรกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืน ประกอบด้วย 3 ตัวแปร ได้แก่ 1. การสร้างโมเดลธุรกิจโตยั่งยืน (Sustainable Business Model) โดยคำนึงทุกคนรอบข้าง โลก และผลกำไรที่ยั่งยืน (People, Planet, Profit) 2. การดำเนินธุรกิจที่สอดรับกับเทรนด์แห่งอนาคต (Future Trends) โดยการประยุกต์เทรนด์ GDH เข้ากับสินค้า บริการ และกระบวนการผลิต หรือแตกไลน์ธุรกิจใหม่ เพื่อตอบสนองเทรนด์ดังกล่าว และ 3. พันธมิตรทางธุรกิจ ได้แก่ EXIM BANK และหน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่าง ๆ จะช่วยเติมเต็มช่องว่างทางธุรกิจของผู้ประกอบการไทยได้อย่างครบวงจร
 
โดย EXIM BANK มีบริการที่ช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการปรับธุรกิจเพื่อเปลี่ยนไปสู่ความยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นบริการด้านสินเชื่อ อาทิ EXIM Biz Transformation Loan สนับสนุนผู้ประกอบการที่ต้องการลงทุนเพิ่มเพื่อยกระดับประสิทธิภาพและกระบวนการผลิต ขยายกำลังการผลิต รวมทั้งปรับปรุงซอฟต์แวร์ดิจิทัล อัตราดอกเบี้ยต่ำสุด 2% ต่อปี วงเงินกู้สูงสุด 100 ล้านบาท ผ่อนชำระนานสูงสุด 7 ปี สินเชื่อเอ็กซิมเพื่อ EEC และเครือข่ายนิคมอุตสาหกรรม สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการลงทุนในพื้นที่ EEC (ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และระยอง) รวมทั้งนิคมอุตสาหกรรม หรือเขตเศรษฐกิจพิเศษ อัตราดอกเบี้ยต่ำสุด 3% ต่อปี ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี และบริการอื่น ๆ อาทิ เครื่องมือบริหารความเสี่ยงทางการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ และการอบรมให้ความรู้ด้านการส่งออกและการพัฒนาองค์กรสู่ความยั่งยืน
 
นอกจากนี้ EXIM BANK ยังพร้อมสนับสนุนการสร้างเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจให้แข็งแรง เพื่อเตรียมความพร้อมในการปรับตัวทางธุรกิจให้ทันกระแสโลกการค้ายุคใหม่
 
“ในยุค Next Normal การปรับตัวเพื่อเปลี่ยนแปลงไปสู่ความยั่งยืนมิได้เป็นทางเลือก แต่เป็นทางรอดของทุกธุรกิจ โดย EXIM BANK พร้อมร่วมมือกับพันธมิตร รวมถึงลูกค้าผู้ประกอบการที่มีความพร้อมในการปรับตัวได้เร็ว เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะ SMEs ให้เข้าสู่ Supply Chain ของการส่งออกได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ด้วยมาตรฐานการดำเนินงานที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล โดยตอบสนองกับกระแสโลกยุคใหม่ และเติมเต็มการพัฒนาของโลกอย่างยั่งยืน” ดร.รักษ์ กล่าว