Phones





SCBSประเมินเป้าดัชนี1,660 จุด จัด 10 หุ้นเด่นรับกระแสโลกยุคใหม่

2022-01-06 18:11:59 279



 
นิวส์ คอนเน็คท์ - SCBS มองเป้าดัชนี SET ปี 65 ที่ระดับ 1,660 จุด คาดหากโอไมครอนระบาดหนัก จะฉุดจีดีพีในปี 65 เหลือโต 2.9% จาก 3.6% พร้อมแนะ 10 หุ้นเด่นเติบโตดีรับอานิสงส์เทรนด์การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจของโลกยุคใหม่
 
เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2565 นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ Chief Research Officer บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) เปิดเผยว่า เป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ปี 65 อิงกับปัจจัยพื้นฐานอยู่ที่ระดับ 1,660 จุด และคาดว่าจะมีกรอบการเคลื่อนไหวที่บริเวณ 1,550-1,750 จุด โดยคาดว่าผลตอบแทนของ SET Index ปี 65 จะอยู่ที่ระดับ 5-8% ซึ่งแบ่งเป็นผลตอบแทนที่เกิดจากตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 5% และอีก 3% เมื่อรวมกับเงินปันผล พร้อมคาดกลุ่มอุตสาหกรรมที่โดดเด่นในปี 65 คือ กลุ่มพาณิชย์, สื่อสาร, ประกันภัย, ยานยนต์ และกลุ่มธนาคารพาณิชย์
 
ทั้งนี้ ประเมินว่าปี 65 กิจกรรมทางเศรษฐกิจมีโอกาสที่จะกลับเข้าสู่ภาวะก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 ซึ่งอัตราการเติบโตของ GDP ในระดับที่มีเสถียรภาพ,อัตราเงินเฟ้อที่คาดว่าจะชะลอตัวลง,อัตราดอกเบี้ยที่เริ่มปรับตัวขึ้น,การเพิ่มภาษีขึ้นบ้างเพื่อสร้างสมดุลให้กับฐานะการเงินของรัฐบาล และสุดท้ายคาดว่าผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นจะลดลงจากปี 64
 
ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจไทยมองบวกอย่างระมัดระวัง เพราะคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวกลับมาเติบโต 3.6-4.0% จากที่หดตัวลง 6.1% ในปี 63 และเติบโต 1.0% ในปี 64 พร้อมคาดว่าการส่งออกปี 65 จะเติบโต 2% ด้านกำไรของบริษัทจดทะเบียนจะเติบโต 6% จากปีก่อน เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากตัวเลขจีดีพีที่ขยายตัว
 
อย่างไรก็ตาม การระบาดรอบใหม่ของ COVID-19 สายพันธุ์โอไมครอน ถือว่าเป็นความเสี่ยงที่อาจทำให้การคาดการณ์เศรษฐกิจไม่เป็นไปตามที่คาด ในกรณีเลวร้ายหากไม่สามารถควบคุมการแพร่ะบาดของ COVID-19 สายพันธุ์โอไมครอนได้อาจส่งผลให้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยลดลงเหลือ 2.9% (กรณีเลวร้ายที่สุด)
 
ในส่วนผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนมีโอกาสเติบโตใกล้ 0% หากแผนการเปิดรับนักท่องเที่ยวต้องเลื่อนระยะเวลาออกไป รวมถึงรัฐบาลกลับมาคุมเข้มกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ
 
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนปี 65 เน้นหุ้นเติบโตที่ราคาสมเหตุสมผล ซึ่งแนะนำหุ้นที่น่าสนใจ 10 บริษัท โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ 1.หุ้นที่คาดว่าผลการดำเนินงานจะกลับมาเติบโตได้ดีตามวัฏจักรเศรษฐกิจและการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น ได้แก่ KBANK, AMATA, ZEN, LH และ GULF และ 2.หุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตแบบก้าวกระโดด ได้รับประโยชน์จากเทรนด์การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจของโลกยุคใหม่ ได้แก่ DELTA, ADVANC, ONEE, SECURE และ XPG