Phones





SEAFCO ถึงเวลา ‘เทิร์นอะราวด์’ (หรือยัง?)

2022-02-16 12:27:45 694



SEAFCO ถึงเวลา ‘เทิร์นอะราวด์’ (หรือยัง?) - สกู๊ปพิเศษ

 
นิวส์ คอนเน็คท์ - หากเอ่ยชื่อ ‘SEAFCO’ หรือ บมจ.ซีฟโก้ เชื่อว่านักลงทุนหลายๆคนคงคุ้นชื่อเป็นอย่างดี เนื่องจากเป็น 1 ในหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่มีผลการดำเนินงานเติบโตติดลมบนมามาตลอดช่วง 3-4 ปีก่อนหน้าที่จะเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปี 63 โดยผลประกอบการปี 61 และ 62 ที่ทั้งรายได้และกำไรสามารถวิ่งขึ้นทำนิวไฮอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในปี 62 ที่กำไรสุทธิขึ้นทำระดับสูงถึง 409 ล้านบาท พร้อมกำไรรายได้ที่ทะลุหลัก 3,000 ล้านบาท
 
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ช่วงต้นปี 63 และเพิ่มความรุนแรงต่อเนื่องมาจนถึงปี 64 ได้ฉุดผลประกอบการของ SEAFCO ชะลอตัวอย่างน่าใจหาย โดยกำไรสุทธิลดลงมาเหลือ 154 ล้านบาทในปี 63 ก่อนที่จะนำมาสู่ผลขาดทุนในงวดผลประกอบการปี 64
 
ลุ้นปี 65 กลับมาฟื้นตัว
 
ดร.ณรงค์ ทัศนนิพันธ์ แม่ทัพใหญ่ แห่งบมจ. ซีฟโก้ หรือ SEAFCO ระบุว่า ปี 64 ถือเป็นปีที่แทบจะเรียกได้ว่าหยุดชะงัก เพราะธุรกิจได้รับผลกระทบจากทั้งมาตรการปิดแคมป์คนงาน และงานใน Backlog ก็ไม่สามารถส่งมอบได้ตามแผนเพราะปัญหาขาดแคลนแรงงาน ขณะที่ในปีที่ผ่านมาแทบจะไม่มีการลงทุนโครงการใหญ่ๆเลย ไม่ว่าจะทั้งของภาครัฐหรือเอกชน และงานที่มีออกมาก็มีการแข่งขันกันสูงกว่าจะได้งาน ซึ่งส่งกระทบต่อมาร์จิ้นค่อนข้างมาก
 
"ส่วนภาพรวมในปี 65 คาดหวังผลประกอบการว่าจะเริ่มฟื้นตัวได้บ้าง แต่คงยังไม่ขึ้นไปเทียบเท่ากับช่วง 3-4 ปีก่อนหน้าได้ โดยตอนนี้เรามี Backlog อีกราว 1,600-1,700  ล้านบาท ก็ต้องพยายามส่งมอบให้ได้ตามแผน และปัญหาขาดแคลนแรงงานในปีนี้น่าจะคลี่คลายมากขึ้น ส่วนการลงทุนขนาดใหญ่ไม่รู้ว่าจะมีออกมาหรือไม่ ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อผลประกอบการของเราในปีนี้"
 
ทางด่วนพระราม 2 หนุนเทิร์นอราวด์
 
ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส ระบุว่า ผลประกอบการไตรมาส 4/64 ของ SEAFCO คาดว่าจะยังมีผลขาดทุนสุทธิ 19 ล้านบาท แม้จะสามารถกลับมาทำงานได้เต็ม 3 เดือน แต่งานส่วนใหญ่จะเป็นงานขนาดเล็กและให้มาร์จิ้นต่ำ โดยโครงการหลักอย่าง Central Embassy ยังล่าช้ากว่าแผนมาก ซึ่งฝ่ายวิจัยประเมินรายได้งวดไตรมาส 4/64 อยู่ที่ราว 210 ล้านบาท
 
"อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยประเมินว่าผลประกอบการของ SEAFCO จะเริ่มเห็นสัญญาณเทิร์นอราวด์ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2/65 เป็นต้นไป ซึ่งจุดเปลี่ยนจะอยู่ที่การได้รับงานทางยกระดับพระราม 2 โดยเป็นงานค่าแรงไม่รวมวัสดุมูลค่าราว 200 ล้านบาทเข้ามา บวกกับการเริ่มเดินหน้างาน Central Embassy และหาก SEAFCO สามารถคว้างานรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้เข้ามาได้สำเร็จ ก็จะช่วยดึงค่าเฉลี่ยอัตรากำไรขั้นต้นให้เพิ่มสูงขึ้น"
 
ขณะที่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เอสบีไอ ไทย จำกัด ระบุว่า ผลประกอบการของ บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAFCO ในปี 65 จะได้รับปัจจัยบวกจากการเปิดประมูลโครงการภาครัฐขนาดใหญ่ ทั้งโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ, โครงการรถไฟทางคู่เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ, โครงการก่อสร้างจุดพักรถบนมอเตอร์เวย์ M7 เป็นต้น ซึ่งจะส่งผลให้ความต้องการใช้เสาเข็มเจาะเพิ่มสูงขึ้น โดยฝ่ายวิจัยประเมินราคาเป้าหมายปี 65 ของ SEAFCO ไว้ที่ระดับ 4.96 บาท
 
ชี้ราคาเป้าหมายเฉลี่ย 4.78 บาท

 
ทั้งนี้ จากการรวบรวบข้อมูลแนะนำการลงทุนจากบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆจำนวน 6 แห่งพบว่าส่วนใหญ่ยังแนะนำ “ถือ” หุ้น SEAFCO โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ย(Consensus) อยู่ที่ระดับ 4.78 ซึ่งบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า ให้ราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 5.34 บาท ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส ให้ราคาเป้าหมายต่ำสุดที่ระดับ 4.16 บาท
 
สุดท้ายแล้วต้องติดตามว่าผลประกอบการของ SEAFCO ในปีนี้จะกลับมาติดเครื่องอย่างที่โบรกเกอร์หลายค่ายประเมินไว้หรือไม่