Phones





NER ปี 64 การันตีด้วยผลงาน All Time High

2022-02-22 19:00:41 713



NER ปี 64 การันตีด้วยผลงาน All Time High (สกู๊ปพิเศษ)

อลังการ สุดปัง! ตามที่ผู้บริหารและโบรกเกอร์หลายสำนักประมาณการณ์เอาไว้ สำหรับผลงานของ บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมต่างๆและกลุ่มผู้ค้าคนกลางทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยผลดำเนินงานปี 2564 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564 มียอดขายสินค้ารวม 24,425.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8,075.88 ล้านบาท หรือ 49.39% จากปี 2563 และมีกำไรสุทธิ 1,850.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 991.51 ล้านบาท หรือ 115.47% ซึ่งคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 7.57% เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ที่เท่ากับ 5.25%

ผลดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น เกิดจากการที่บริษัทขยายกำลังการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้น และได้รับคำสั่งซื้อของลูกค้าเพิ่มขึ้น ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้น เกิดจากปัจจัยด้านปริมาณขายและราคาขายเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์ยางธรรมชาติที่ขยับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ บริษัทมีสัดส่วนต้นทุนวัตถุดิบลดลงเมื่อเทียบกับปี 2563 จากการบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 10.56% เป็น 13.25%  

ขณะที่สัดส่วนรายได้จากการขาย แบ่งเป็น รายได้จากการขายในประเทศ 15,182.94 ล้านบาท คิดเป็น 62.16% ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้น 4,595.28 ล้านบาท หรือ 43.40% รายได้จากการขายต่างประเทศ 9,242.72 ล้านบาท คิดเป็น 37.84% ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้น 3,480.60 ล้านบาท หรือ 60.40%  


สำหรับผลดำเนินงานปี 2565 นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NER ระบุว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 28,000 ล้านบาท ส่วนปริมาณการขายยางพาราคาดว่าจะอยู่ที่ 500,000 ตัน จากกำลังการผลิตทั้งหมด 510,000 ตัน โดยสัดส่วนยอดขายในปี 2565 ยังวางนโยบายการจำหน่ายสินค้าในประเทศ 65% และต่างประเทศ 35% ทั้งนี้ มองว่าความต้องการใช้ยางพาราในอุตสาหกรรมยังดีต่อเนื่อง หากสถานการณ์โควิดคลี่คลาย จะทำให้มีการคมนาคมมากขึ้น ส่งผลดีต่อความต้องการใช้ยางรถยนต์เพิ่มมากขึ้น 

ขณะที่แผนงานธุรกิจปลายน้ำ ผลิตภัณฑ์แผ่นปูรองปศุสัตว์ ภายใต้แบรนด์ cattleFlex นั้น บริษัทตั้งเป้าปริมาณการขายในปีแรกที่ 250,000 แผ่น คิดเป็นรายได้ประมาณ 500 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทกำลังเร่งดำเนินการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในประเทศต่างๆ (distributor) ซึ่งในเฟสแรกมีทั้งหมด 13 ประเทศ โดยผลิตภัณฑ์ แบ่งเป็น 4 รุ่น ได้แก่ รุ่น Pro พรีเมียมระดับมาตรฐานยุโรป, รุ่น Tuf ทนทานในราคาที่จับต้องได้, รุ่น Calf พิเศษสำหรับลูกวัว และ รุ่น Move สำหรับทางเดินในฟาร์มปศุสัตว์ พร้อมกันนี้ ได้เตรียมเปิดตัว cattleFlex Winner รุ่นพิเศษ สำหรับการดูแลม้า ในเร็วๆ นี้ด้วย


ผลประกอบการของ NER เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า เติบโตต่อเนื่อง แต่หากมองไปในแง่ของราคาหุ้นที่จะสะท้อนออกไปจากผลดำเนินงานล่ะ? น่าสนใจ หรือสะท้อนกับความเป็นจริงของผลดำเนินงานหรือไม่ .. และเมื่อไปส่องดูบทวิเคราะห์จากโบรกเกอร์หลายสำนัก ต่างประสานเสียงตรงกันว่า ต้อง "ซื้อ" สำหรับหุ้น NER

โดยฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ได้ประเมินว่าผลประกอบการของ NER ในปี 2565 มี Upside risk จากทั้งปริมาณขายและราคาขายเฉลี่ย แต่อย่างไรก็ตาม​ ธุรกิจแผ่นรองนอนสัตว์เครื่องจักร อาจล่าช้ากว่าแผนเล็กน้อย ทางฝ่ายจึงยังไม่รวมไว้ในประมาณการ ทั้งนี้​ ทางฝ่ายยังคงมุมมอง "บวก" ต่อแนวโน้มผลประกอบการของ NER และคาดกำไรปกติจะกลับมาทำ New high อีกครั้งในไตรมาส 2/65 ซึ่งเป็นช่วงที่กำลังการผลิตใหม่เริ่มเดินเครื่องได้เต็มไตรมาส ซึ่งผลของการไม่รวมธุรกิจแผ่นรองนอนสัตว์ไว้ในประมาณการส่งผลให้ราคาเป้าหมายอิง PER ที่ 10 เท่า ลดลงเล็กน้อยเป็น 11.80 บาท แนะนำ "ซื้อ" 


ขณะที่ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 9.90 บาท, บล.โนมูระ พัฒนสิน แนะนำ "ซื้อ" ให้ราคาเป้าหมายที่ 9.20 บาท และ บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะนำ "ศื้อ" ให้ราคาเป้าหมายที่ 9.00 บาท