Phones





STI เดินแผนขึ้นกระดานSET ลุ้นรายได้ทะลุ 2 พันล.

2022-03-07 18:40:57 264



 
นิวส์ คอนเน็คท์ - STI เตรียมย้ายเข้าเทรดใน SET หลังเผยงบปี 64 ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้ปีนี้ทะลุ 2,000 ล้านบาท จากงานในมือ (Backlog) อยู่ในระดับสูงถึง 4,000 ล้านบาท และยังอยู่ระหว่างประมูลงานใหม่ ทั้งงานเมกะโปรเจกต์ภาครัฐและโครงการขนาดใหญ่ภาคเอกชน              
 
เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 นายสมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมก้าวสู่การเติบโตครั้งใหญ่ ด้วยการดำเนินการย้ายหลักทรัพย์ STI จากตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เพื่อยกระดับองค์กรให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้นจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ พร้อมประกาศจ่ายปันผลในรูปแบบหุ้นและเงินสด เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้น
 
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ STI เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ตั้งแต่ปลายปี 61 ก็ได้ประกาศผลการดำเนินงานที่เติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ล่าสุดปี 64 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,741.88 ล้านบาท โดยในเวลา 3 ปี เติบโตสูงกว่า 174% รวมทั้ง ในช่วงไตรมาส 2/63 STI ได้ประกาศบันไดก้าวแรกเพื่อขยายการเติบโต เข้าลงทุนซื้อหุ้นของบริษัท เอเชี่ยน เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแต้นส์ จำกัด หรือ AEC บริษัทที่ปรึกษาด้านวิศวกรรมชั้นนำ เพิ่มความแข็งแกร่งให้กลุ่มธุรกิจสู่โอกาสการเติบโตครั้งใหญ่
 
สำหรับในปี 65 บริษัทได้วางเป้าหมายการเติบโตของรายได้จะสูงกว่าระดับ 2,000 ล้านบาท จากงานในมือ (Backlog) อยู่ในระดับสูงถึง 4,000 ล้านบาท และยังอยู่ระหว่างประมูลงานใหม่ ที่มองว่าจะมีปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นจากปี 64 ที่ผ่านมาอย่างมีนัยสำคัญไปอีก 3-5 ปีนับจากนี้ ทั้งงานเมกะโปรเจกต์ภาครัฐและโครงการขนาดใหญ่ภาคเอกชน ตามทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมก่อสร้าง โดย STI วางกลยุทธ์ขยายความเชี่ยวชาญให้ครอบคลุมงานที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้างในกลุ่มลูกค้าหลากหลายอุตสาหกรรมมากขึ้น เพิ่มโอกาสชิงเค้กก้อนใหญ่ด้วยความเชื่อมั่นจากลูกค้า ตลอดจนความเชี่ยวชาญและคุณภาพงานคือหัวใจสำคัญ
 
ด้านบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุว่า ฝ่ายวิจัยยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” STI โดยประเมินราคาเป้าหมายไว้ที่ 11.82 อิงกับ P/E ที่ 17 เท่า ซึ่งเป็นระดับ PE ที่ไม่สูงเมื่อเทียบกับการเติบโตของรายได้และกำไรสุทธิในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาที่โตเฉลี่ย CAGR ที่ 36.8% และ 25% ตามลำดับ และหากเทียบกับกลุ่มรับเหมาธุรกิจที่ใกล้เคียงกันบริษัทยังมีการเติบโตของรายได้และกำไรดีกว่า แต่ระดับ PE ต่ำกว่า
 
นอกจากนี้ บริษัทยังมีโอกาสที่จะได้รับประโยชน์จากการลงทุนที่ทยอยฟื้นตัวในช่วงต่อจากนี้และฐานในปี 64 ต่ำ มีโอกาสฟื้นตัวหลังจบโควิด 19 โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 65 ไว้ที่ 2,000 ล้านบาท เจาะตลาดธุรกิจเมกะเทรนด์โรงพยาบาล อาคาร คลังสินค้าและงานรัฐ จ่ายหุ้นปันผล 0.8 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่และเงินปันผล 0.0694 บาท เพิ่มสภาพคล่องในการซื้อ-ขายหุ้นและเตรียมย้ายเข้า SET ปรับกำไรปี 22 และ 23 ขึ้น 3.3% และ 8.2% จากการลดค่าใช้จ่าย