Phones





UPA ติดตั้งแล้ว! เครื่องขุดคริปโตฯ400เครื่อง

2022-03-11 09:35:28 288



นิวส์ คอนเน็คท์ - UPA ประกาศลุยสินทรัพย์ดิจิทัลเต็มพิกัด! ประเดิมรับมอบเครื่องขุดคริปโตฯ 400 เครื่อง ล็อตแรกติดตั้งที่เหมือง เมืองปากเซ ใน สปป.ลาว พร้อมคาดเดือน เม.ย.เตรียมติดตั้งเพิ่มอีก 4,000 เครื่อง วงเงินลงทุน 440.9 ล้านบาท มั่นใจสนับสนุนอนาคตโตก้าวกระโดด มั่นใจปีแนวโน้มผลงานปี 65 โตแกร่ง  

เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2565 นายกวิน เฉลิมโรจน์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย จำกัด (มหาชน) (UPA) เปิดเผยว่า เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ทำการสั่งซื้อเครื่องขุดคริปโตเคอร์เรนซี เพื่อมาติดตั้งที่เหมืองที่เมืองปากเซ แขวงจำปาศักดิ์ สปป.ลาว ซึ่งเป็นเหมืองที่ลงทุนร่วมกับ Asia Investment and Financial Services Sole Company Limited (AIFS) รวมมูลค่าประมาณ 13.48 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 440.9 ล้านบาท โดยได้ติดตั้งเครื่องขุดคริปโตเคอร์เรนซีแล้วเสร็จจำนวน 400 เครื่อง พร้อมดำเนินการขุดคริปโตเคอร์เรนซี สามารถรับรู้รายได้ทันทีในไตรมาส 1/2565 และจะทยอยติดตั้งอีกจำนวน 4,000 เครื่อง โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน 2565 และสามารถรับรู้รายได้ทั้งหมดในไตรมาส 2/2565

“การที่บริษัทแจ้ง ก็เพื่อต้องการให้เห็นถึงความมุ่งมั่น และพัฒนาการที่สำคัญในการทำธุรกิจ และเป็นการสร้างความมั่นใจต่อผู้ลงทุนและผู้ถือหุ้น ที่ผ่านมาทีมงานบริหารของเราได้มีการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์มาเป็นอย่างดี เชื่อว่าจะให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับการลงทุน เพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้และผลกำไรให้กับบริษัทฯ นอกเหนือจากธุรกิจโรงไฟฟ้า และอสังหาริมทรัพย์ " นายกวิน กล่าว

ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร UPA กล่าวอีกว่า แนวโน้มธุรกิจ 2565 คาดว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา จากการทยอยรับรู้รายได้จากผลตอบแทนในการลงทุนในโครงการต่างๆ ทั้งจากธุรกิจเดิมและธุรกิจใหม่ โดยเฉพาะธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล และบริษัทฯยังคงมองหาโอกาสใหม่ๆ ในการขยายการลงทุน เพื่อการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืน สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในอนาคต

อนึ่งประชุมคณะกรรมการของบริษัทฯในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมามีมติอนุมัติการเข้าลงทุนในธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล โดยการตรวจสอบการทำธุรกรรมที่ใช้คริปโทเคอร์เรนซี หรือการขุดเหมืองคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency Mining) ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ในวงเงิน 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 817.7 ล้านบาท