นิวส์ คอนเน็คท์ - KBTG ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงในการนำแพลตฟอร์มของ Microsoft มาพัฒนาแอปพลิเคชัน K PLUS ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สามารถรองรับผู้ใช้งานจำนวนมาก และมีมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล เพื่อลูกค้าจะได้รับบริการด้านการเงินที่เสถียรและไว้ใจได้ทั่วทั้งภูมิภาค AEC+3 คาดผู้ใช้งาน K PLUS แตะ 40 ล้านคน ภายในปี 70
นอกจากนี้ ยังเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อขยายฐานผู้ใช้ไปยังประเทศในกลุ่ม AEC+3 โดยเริ่มจากเวียดนาม และอินโดนีเซีย KBTG จึงได้ลงนามความร่วมมือกับบริษัท บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ในการผสานความรู้ความสามารถของทั้งสององค์กร พร้อมนำแพลตฟอร์มของ Microsoft มาพัฒนาต่อยอด K PLUS เพื่อรองรับจำนวนผู้ใช้งานที่เติบโตแบบก้าวกระโดด เสริมโครงสร้างความปลอดภัยตามมาตรฐานระดับสากล สร้างประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมแก่ลูกค้า รวมทั้งความสามารถในการนำเสนอบริการแบบเฉพาะบุคคล (Personalized Offering) ผ่านการประมวลผลโดย AI และ Machine Learning ที่รวดเร็วและแม่นยำ เพื่อช่วยยกระดับแพลตฟอร์มสู่การแข่งขันในระดับประเทศ และต่อยอดสู่การเป็นแอปพลิเคชันทางการเงินแห่งภูมิภาค พร้อมรองรับผู้ใช้งานทั้ง AEC+3 ที่คาดว่าจะแตะระดับ 40 ล้านคน ภายในปี 70
สำหรับความคืบหน้าการพัฒนาบริการดิจิทัลในระดับภูมิภาค หลังจากที่ KBTG ได้จัดตั้งบริษัท K-TECH ปัจจุบันก็ได้เปิดตัว K PLUS ภาษาเวียดนามเพื่อรองรับการใช้งานในตลาดเวียดนามแล้ว และในอนาคตจะมีการขยายแพลตฟอร์ม K PLUS เพื่อรองรับผู้ใช้งานประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคให้ได้รับบริการทางการเงินที่เสถียรและปลอดภัยเช่นกัน
นายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ไมโครซอฟท์มีความยินดีอย่างยิ่งที่ธนาคารกสิกรไทยและ KBTG ได้ให้ความไว้วางใจ เลือก Microsoft Technology เพื่อรองรับการขยายผู้ใช้งานของ K PLUS ซึ่งถือเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ขับเคลื่อนทั้งประสบการณ์ของลูกค้าและการเติบโตของธนาคารในยุคดิจิทัล โดยไมโครซอฟท์จะนำทั้งเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญระดับโลกมาเสริมให้ประสิทธิภาพของทาง K PLUS ที่ดีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้น ด้วยความยืดหยุ่นเชิงโครงสร้างที่รองรับทั้งการขยายธุรกิจในประเทศไทยและในระดับภูมิภาค