Phones





กูรูด้านกองทุนชี้ฟันด์โฟลว์วิ่งเข้าตลาดไทย

2019-10-17 17:23:02 345




นิวส์ คอนเน็คท์ – บลจ.ไทยพาณิชย์ ประเมินธุรกิจกองทุนมีโอกาสเติบโตมากขึ้น หลังเงินทุนเริ่มย้ายกลับเข้ามาลงทุนในประเทศต่อเนื่อง จากความกังวลต่ปัจจัยเสี่ยงต่างประเทศ คาด AUM ของทั้งอุตสาหกรรมในปี 62 เติบโต 5-7% ด้าน บลจ.กรุงศรี แนะนักลงทุนกระจายความเสี่ยงการลงทุน เน้นลงทุนหุ้นไฮ-ยิลด์ หรือหลบความเสี่ยงเข้าตลาดบอนด์


เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2562 นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยภายในงานสัมมนา “SCB INVESTMENT FORUM 2019” ในหัวข้อ “Predict the Unpredictable 2020” ว่า นโยบายการลงทุนของกองทุนต่างๆในปี 62 และปี 63 จะมีการเปลี่ยนไปจากช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยกองทุนที่มีการลงทุนในต่างประเทศจะเริ่มนำเงินกลับเข้ามาลงทุนในประเทศมากขึ้น หลังจากภาวะเศรษฐกิจโลกมีการชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง และปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนยังยืดเยื้อ ซึ่งส่งผลให้ตลาดต่างประเทศมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น


ทั้งนี้ คาดว่าในช่วงที่เหลือของปี 62 จะเห็นเม็ดเงินลงทุนไหลเข้ามาลงทุนในกองทุนอีกประมาณ 2-3 หมื่นล้านบาท หรือเฉลี่ยเดือนละ 1 หมื่นล้านบาท โดยยังไม่รวมถึงเงินทุนที่จะไหลเข้าลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF ที่ได้สิทธิทางภาษีปีนี้เป็นปีสุดท้าย โดยภาพรวมตลาดกองทุนรวมในปีนี้ ประเมินว่า มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของทุกกองทุนทุกประเภทที่อยู่ภายใต้การจัดการของบริษัทจัดการ (AUM) จะเติบโตที่ 5-7%


สำหรับในปี 63 ประเมินว่ายังมีปัจจัยกดดันจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง และอัตราดอกเบี้ยที่ทรงตัว และมีโอกาสปรับตัวลดลงจากระดับปัจจุบัน รวมถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในช่วงปลายปี 63 ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนยังให้ความสนใจลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ เช่น ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือ REIT ที่ยังสามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 4%


ด้านนายยุทธพล ลาภละมูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ภัทร จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมของตลาดกองทุนรวมในปี 62 มีโอกาสเติบโตมากขึ้นเมื่อเทียบกับเมื่อปี 59-60 เนื่องจากเงินลงทุนทั้งจากกองทุนรวม และกองREIT เริ่มไหลกลับเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น เนื่องจากกังวลต่อปัจจัยเสี่ยงจากการลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเด็นสงครามการค้าสหรัฐฯ กับจีนที่ไม่สามารถหาข้อยุติและมีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลให้เงินลงทุนเหล่านี้ไหลกลับเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เนื่องจากสามารถสร้างผลตอบแทนได้ในระดับสูงเช่นกัน และมีปัจจัยเสี่ยงค่อนข้างต่ำ


ขณะที่นางสุภาพร ลีนะบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด เปิดเผยว่า นโยบายการลงทุนในช่วงที่เหลือของปีนี้มองว่านักลงทุนควรมีการลงทุนที่หลากหลายเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงในภาวะที่ตลาดมีความผันผวน โดยปรับลดการลงทุนในหุ้นลง และไปเพิ่มการลงทุนในพันธบัตร หรือลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูง


โดย บลจ.กรุงศรี ยังคงมีการนำเสนอโปรดักส์การลงทุนที่มีความหลากหลายและตอบโจทย์การลงทุนให้กับลูกค้า โดยส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนผ่านกองทุนของทั้งเจพี มอร์แกน และมอร์แกน สแตนลีย์ ที่จะมีการเลือกลงทุนในตลาดหุ้น หรือสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูง และมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง เช่น ตลาดหุ้นเวียดนาม ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าค่อนข้างน้อย และเศรษฐกิจมีการเติบโตค่อนข้างสูง ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับเศรษฐกิจของไทยเมื่อช่วง 10-20 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ บลจ.กรุงศรียังมีกองทุนที่เน้นลงทุนในโกลบอล แบรนด์ ที่ผลประกอบการมีการเติบโตที่ดี เช่น การลงทุนในหุ้นยูนิลีเวอร์ หรือหุ้นไมโครซอฟท์


#บลจ.ไทยพาณิชย์ #ฟันด์โฟลว์เข้าไทย #AUM #บลจ.กรุงศรี