Phones





ALL รับอานิสงส์มาตรการรัฐ ลุ้นผลงานปีนี้นิวไฮ

2019-10-24 14:15:39 245




นิวส์ คอนเน็คท์ - ALL รับอานิสงส์มาตรการปรับลดค่าโอน - ค่าจดจำนองบ้านเหลือ 0.01% ชี้ กระตุ้นตลาดอสังหาโค้งสุดท้าย เผยล่าสุดมีสต็อกพร้อมโอนมูลค่ารวมกว่า 4,800 ล้านบาท หนุนผลงานปีนี้ทำนิวไฮใหม่เป็นประวัติการณ์


นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ALL เปิดเผยถึงมาตรการปรับลดค่าใช้จ่ายในการโอนจาก 2% เหลือ 0.01% ของราคาประเมิน และค่าจดจำนองจาก 1% เหลือ 0.01% ของราคาประเมิน สำหรับการซื้อขายที่อยู่อาศัยที่มีราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ในฐานะผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ถือว่ามาตรการดังกล่าว เป็นมาตรการ ที่ช่วยกระตุ้นภาพรวมของเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ได้เป็นอย่างดี
ขณะเดียวกันมาตรการนี้ ยังช่วยการตัดสินใจของกลุ่มผู้บริโภค ที่มีความต้องการซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยอย่างแท้จริง (Real Demand) และที่สำคัญช่วงไตรมาส 4 ของทุกปีจะเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์สร้างเสร็จพร้อมโอน อีกทั้งที่อยู่อาศัยเซกเมนต์ดังกล่าว ยังเป็นเซกเมนต์หลักของ ออลล์ อินสไปร์ฯ ดังนั้นจึงเชื่อว่าช่วงโค้งสุดท้ายของปีจะทำให้กลุ่มธุรกิจมีสีสันมากขึ้น


รวมถึงมีสินค้าที่เริ่มโอนกรรมสิทธิ์และจะโอนกรรมสิทธิ์ในปีนี้มูลค่ารวมประมาณ 4,800 ล้านบาท จาก 5 โครงการที่มีในมือ ประกอบด้วย 1. โครงการ ดิ เอ็กเซล ไฮด์อะเวย์ สุขุมวิท 50 (The Excel Hideaway Sukhumvit 50) ปัจจุบันมีสต็อกพร้อมโอนมูลค่ารวม 1,900 ล้านบาท 2. โครงการ ดิ เอ็กเซล ไฮด์อะเวย์ สุขุมวิท 71 (The Excel Hideaway Sukhumvit 71) ปัจจุบันมีสต็อกพร้อมโอนมูลค่ารวม 1,600 ล้านบาท 3. โครงการ ดิ เอ็กเซล คูคต (The Excel Khukhot) ปัจจุบันมีสต็อกพร้อมโอนมูลค่ารวม 50 ล้านบาท 4. โครงการ ไรส์ พระราม 9 (Rise Rama 9) ปัจจุบันมีสต็อกพร้อมโอนมูลค่ารวม 200 ล้านบาท และ 5. โครงการ เดอะ วิชั่น ลาดพร้าว - นวมินทร์ (The Vision Ladprao - Nawamin) ปัจจุบันมีสต็อกพร้อมโอนมูลค่ารวม 1,050 ล้านบาท ซึ่งทุกโครงการมีระดับราคาขายตั้งแต่ 1.5 - 3 ล้านบาทต่อยูนิต สอดคล้องกับมาตรการดังกล่าวที่จะช่วยลดค่าโอน - ค่าจดจำนองที่มีราคาขายไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อยูนิต


ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) รวมมูลค่ากว่า 11,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วง 3 - 4 ปีข้างหน้า ทำให้บริษัทมั่นใจผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปีจากนี้ (ปี 2563 - 2565) จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการทยอยรับรู้ Backlog ดังกล่าว นอกจากนี้ ในช่วงที่เหลือของปีบริษัทยังมีแผนการเปิดขายโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากแผนการเตรียมเปิดโครงการดังกล่าว จะช่วยหนุนยอดขาย (Presales) ในปี 2562 มีโอกาสเติบโตสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ช่วงต้นปีที่ระดับ 7,000 ล้านบาท