Phones





CIMBT ควบคุมค่าใช้จ่ายหนุนกำไรงวด 9 เดือนปี 65 โตสูง 64%

2022-10-24 20:39:46 101



 
นิวส์ คอนเน็คท์ – CIMBT รายงานผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนของปี 65 มีกำไรสุทธิจำนวน 2,811.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64.6% จากช่วงเดียวกันกับปีก่อน โดยเป็นผลจากการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้นส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 3.9% และผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลง 45.5%
 
เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2565 นายพอล วอง ชี คิน กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ CIMBT เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารในงวด 9 เดือนของปี 65 มีกำไรสุทธิจำนวน 2,811.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 1,103.3 ล้านบาท หรือ 64.6% จากช่วงเดียวกันกับปีก่อน โดยเป็นผลจากการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้นส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 3.9% และผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลง 45.5% เป็นผลจากการลดลงของการด้อยค่าของสินทรัพย์ ในขณะที่รายได้จากการดำเนินงานลดลง 0.4%
 
ขณะที่รายได้จากการดำเนินงานในงวด 9 เดือนของปี 65 มีจำนวน 10,709.4 ล้านบาท ลดลงจำนวน 38.1 ล้านบาท หรือ 0.4% จากช่วงเดียวกันกับปีก่อน เนื่องจากการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจำนวน 485.8 ล้านบาท หรือ 6.4% เนื่องจากการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยจากธุรกิจเช่าซื้อและเงินให้สินเชื่อสุทธิกับการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิจำนวน 172.6 ล้านบาท หรือ 17.7% ส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมจากการเป็นนายหน้าขายประกันและหน่วยลงทุน รายได้จากการดำเนินงานอื่นเพิ่มขึ้นจำนวน 275.2 ล้านบาท หรือ 12.5% สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุนและรายได้อื่นสุทธิกับการเพิ่มขึ้นของขาดทุนจากเงินลงทุน
 
สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานงวด 9 เดือนของปี 65 ลดลงจำนวน 231.8 ล้านบาท หรือ 3.9% เนื่องจากการบริหารจัดการเพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้น ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้จากการดำเนินงานงวด 9 เดือนของปี 65 อยู่ที่ 53.2% ปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันกับปีก่อนอยู่ที่ในระดับ 55.2% ขณะที่อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (NIM) อยู่ที่ 2.7% ลดลงจากงวดเดียวกันปี 64 อยู่ที่ 3.1% เป็นผลจากการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยจากธุรกิจเช่าซื้อและเงินให้สินเชื่อ
 
โดยวันที่ 30 ก.ย.65 เงินให้สินเชื่อสุทธิจากรายได้รอตัดบัญชีของกลุ่มธนาคารอยู่ที่ 2.24 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.8% เมื่อเทียบกับเงินให้สินเชื่อ ณ วันที่ 31 ธ.ค.64 ขณะที่กลุ่มธนาคารมีเงินฝาก รวมตั๋วแลกเงิน หุ้นกู้ และผลิตภัณฑ์ทางการเงินบางประเภท จำนวน 2.79 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.7% จากสิ้นปี 64 ซึ่งมีจำนวน 2.39 แสนล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝาก (the Modified Loan to Deposit Ratio) ของกลุ่มธนาคารลดลงเป็น 80.2% จาก 88.5% ณ วันที่ 31 ธ.ค.64
 
ในส่วนของสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLs) อยู่ที่ 7.8 พันล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ ต่อเงินให้สินเชื่อทั้งสิ้นอยู่ที่ 3.4% ลดลงเมื่อเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธ.ค.64 อยู่ที่ 3.7% สาเหตุหลักจากการขายสินเชื่อด้อยคุณภาพในปี 65 การบริหารจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ การปรับปรุงการบริหารคุณภาพสินทรัพย์และกระบวนการในการเก็บหนี้
 
ขณะที่อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ วันที่ 30 ก.ย.65 อยู่ที่ 113.6% เพิ่มขึ้นจากวันที่ 31 ธ.ค.64 ซึ่งอยู่ที่ 117.5% ค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นของกลุ่มธนาคารอยู่ที่จำนวน 8.1 พันล้านบาท เป็นเงินสำรองส่วนเกินตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทยจำนวน 1.5 พันล้านบาท ในส่วนของเงินกองทุนรวมของกลุ่มธนาคาร ณ สิ้นวันที่ 30 ก.ย.65 มีจำนวน 5.6 หมื่นล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยง 20.5% โดยเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ 15.0%