นิวส์ คอนเน็คท์ - "OR" ลุยปรับปรุงองค์กร รองรับการเปลี่ยนแปลง เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน ลุยขยายการลงทุนต่างประเทศ มุ่งสู่การเป็นแบรนด์ระดับโลก พร้อมลุยขยายปั๊มเส้นทางถนนรอง เน้นนำสินค้าชุมชนมาจำหน่ายในปั๊มเพิ่มขึ้น

เมื่อเร็วๆ นี้ นายบุรณิน รัตนสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่วางแผน บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ให้สัมภาษณ์ที่สำนักงานใหญ่ศูนย์เอนเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ ว่า ทิศทางธุรกิจน้ำมันและการค้าปลีกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง บริษัทจึงต้องดำเนินการปรับปรุงองค์กร (Transform) เพื่อรับมือกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และรองรับการแข่งขันในอนาคต โดยจะเน้นเรื่องกลยุทธ์และการตลาด ที่ต้องปรับเปลี่ยนให้ทันสถานการณ์

ทั้งนี้ ในระยะแรกบริษัทมีเป้าหมายในช่วง 2 ปีจากนี้จะยกระดับให้ OR และสถานีบริการน้ำมันของบริษัท เป็นแบรนด์ระดับโลก ที่จะสร้างคุณค่าให้กับชุมชนและสังคม และจะมีพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในกลุ่ม ปตท. และนอกกลุ่มมาร่วมต่อยอดธุรกิจไปกับ OR ด้วย

นอกจากนี้ จะพัฒนาระบบการบริหารงานและขั้นตอนการทำงานให้เกิดความคล่องตัวมากขึ้นและดึงศักยภาพของบุคลากรมาให้ประโยชน์อย่างเต็มที่เพื่อเสริมศักยภาพในการเติบโตได้อย่างยั่งยืน

สำหรับขบวนการทรานส์ฟอร์มนั้น OR ได้เริ่มดำเนินการมาแล้ว 3-4 เดือนเริ่มตั้งแต่การเปลี่ยนชื่อสถานีบริการน้ำมันจาก PTT เป็น PTT Station ครบทุกแห่งแล้ว โดย ณ สิ้นเดือนมิ.ย.62 มีสถานีบริการน้ำมันในประเทศ 1,835 แห่ง และมีแผนขยายสถานีบริการน้ำมันในถนนสายรอง หรือชุมชนให้มากขึ้น เนื่องสถานีบริการน้ำมันถนนสายหลักมีค่อนข้างมากแล้ว ขณะเดียวกัน การขยายสถานีน้ำมันในถนนสายรองยังเข้าถึงชุมชนได้มากขึ้น สามารถนำสินค้าจากชุมชนเข้ามาจำหน่ายในสถานีบริการน้ำมันได้ทั่วถึง ช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก

ส่วนสถานีบริการน้ำมันในต่างประเทศ 281 แห่ง ในกัมพูชา, ลาว และฟิลิปปินส์ ซึ่งกลยุทธ์การลงทุนในประเทศ จะยังเห็นการขยายสถานีบริการน้ำมัน ร้านกาแฟอเมซอนต่อเนื่อง เพื่อยกระดับเป็นแบรนด์ระดับโลก และเป็นช่องทางในการจำหน่ายสินค้าชุมชนสู่ต่างประเทศด้วย

พร้อมกันนี้ ภายในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ต้องติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charge) เพื่อตอบรับกับทิศทางในอนาคตที่คาดว่าจะมีปริมาณรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เข้ามากขึ้น โดยปัจจุบัน OR มี EV Charge แล้ว 17 แห่ง และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 20-25 แห่งในปี 63 โดยจะเริ่มพิจารณาการติดตั้งระบบ Quick Charge มากขึ้น โดยจะเน้นติดตั้งในสถานีบริการน้ำมันในพื้นที่เหมาะสมกับความต้องการใช้ EV Charge โดยทำในรูปแบบ B2B ซึ่งอาจจะต้องคุยกับค่ายรถยนต์

นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายการลงทุนติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ภายในสถานีบริการน้ำมันด้วย เพื่อลดการใช้พลังงานซึ่งจะดำเนินการภายใต้ความร่วมมือกับ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ปัจจุบันดำเนินการติดตั้งไปแล้ว 2 แห่ง

ส่วนธุรกิจนอนออยล์ อย่างร้านกาแฟคาเฟ่ อเมซอน นับว่ามีศักยภาพที่สุดในนอนออยล์ประเภทต่าง ๆ โดย ณ สิ้นเดือน ส.ค.62 มีร้านกาแฟคาเฟ่ อเมซอน ในไทย 2,700 สาขา ในต่างประเทศ 222 สาขา รวม 2,922 สาขา โดยในต่างประเทศ มีการขยายไปแล้วในกัมพูชา, ลาว ฟิลิปปินส์ เมียนมา มาเลเซีย ญี่ปุ่น จีน และโอมาน ส่วนเวียดนามอยู่ระหว่างการศึกษาโอกาสเข้าไปลงทุน เพื่อขยายการลงทุนในครอบคลุมทั่วอาเซียน

ภายหลังจากการ Transform แล้ว ในช่วง 5 ปีข้างหน้า จะส่งผลให้สัดส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย, ภาษี, ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของ 3 เสาหลักธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจน้ำมัน, นอนออยล์ และการลงทุนต่างประเทศ จะเปลี่ยนแปลงจากปัจจุบันที่ EBITDA ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจน้ำมัน 60-70%, นอนออยล์ 24% และลงทุนต่างประเทศ 6-7% โดยสัดส่วน EBITDA ของนอนออยล์ และต่างประเทศจะเพิ่มขึ้น ส่วน EBITDA ธุรกิจน้ำมันจะลดลงเล็กน้อย เนื่องจากในประเทศคาดว่าจะมีพลังงานทดแทนที่จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น

#OR
#ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก
#บุรณินรัตนสมบัติ
#ลุยขยายปั๊มเพิ่ม
#นิวส์คอนเน็คท์