Phones
หน้าแรก
Stock
เศรษฐกิจมหภาค
แบงก์ - Finance
อสังหาริมทรัพย์ - Marketing
ประกัน - ท่องเที่ยว
Variety
สกู้ป พิเศษ
SET
DRT โชว์ผลงาน Q1/67 โต 15% รุกหนักทุกช่องทางขาย
MAI
AIRA สยายปีกธุรกิจ รุกการเงิน Non-Bank - อสังหาฯชั้นนำ
IPO
ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง “PCL” ขายไอพีโอ 410 ล้านหุ้น
บล./บลจ
โกลเบล็ก ชี้หุ้นไทย พ.ค. ไซด์เวย์ คัดหุ้นเด่นรับแผนลงทุนไมโครซอฟท์
เศรษฐกิจ-การเงิน-การคลัง
กรุงศรี ส่องกรอบเงินบาท 36.50-37.00 บ. หลังจ้างงานสหรัฐฯลดความร้อนแรง
การค้า - พาณิชย์
TikTok ผนึก SME D Bank เสริมทักษะดิจิทัล – แหล่งเงินทุนแก่เอสเอ็มอี
พลังงาน - อุตสาหกรรม
TOA เดินหน้าพันธกิจ พิชิต Net Zero
คมนาคม - โลจิสติกส์
KIAT ไตรมาสแรกปี 67 กำไรสุทธิโต 106.14%
แบงก์ - นอนแบงก์
UOB แนะนำพอร์ตลงทุนที่แข็งแกร่งแก่ลูกค้าที่มีความมั่งคั่ง
ไฟแนนซ์ - ลิสซิ่ง
อบาคัส ดิจิทัล จับมือ บิ๊กซี ส่ง “มันนี่ทันเดอร์” รุกสินเชื่อออนไลน์
SMEs - Startup
“กรุงศรี ฟินโนเวต” เข้าลงทุนใน “Doppio Tech” หนุนสร้างบุคลากรสายเทค
ประกันภัย - ประกันชีวิต
อลิอันซ์ อยุธยา “Family Day 2024” พาลูกค้าท่องโลกใต้ทะเล SEA LIFE Bangkok
รถยนต์
GPI โชว์ยอดจองรถงาน “มอเตอร์โชว์” 58,611 คัน
ท่องเที่ยว
ttb analytics ประเมินเงินสะพัดกว่า 4.2 หมื่นล.ในช่วงสงกรานต์ปี 67
อสังหาริมทรัพย์
DRT ไตรมาส 1/67 กำไรสุทธิ 203.69 ล้านบ. เพิ่มขึ้น 14.85%
การตลาด
COTTO ส่งนวัตกรรม ‘QUINTA Basin’ คว้า 4 รางวัลในไทยและระดับโลก
CSR
“กรุงศรี ฟินโนเวต” เข้าลงทุนใน “Doppio Tech” หนุนสร้างบุคลากรสายเทค
Information
กรุงเทพประกันภัยมอบเงิน 6 ล้านบาท เพื่อสร้างอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี
Gossip
ศุภาลัย ร่อนโปรฯ เด็ด “ของแทร่ แฟร์ทุกช้อยส์”
Entertainment
บอร์ดแพทย์ประกันสังคม เห็นชอบเพิ่มสิทธิประโยชน์รักษาผู้ประกันตนป่วยมะเร็ง
สกุ๊ป พิเศษ
NER เดินหน้าโตแกร่ง ควบคู่เน้น ESG
“โกลเบล็ก” งัดหุ้นเด็ดน่าลงทุนปี66 ชู 5 กลุ่มหุ้นน่าจับตาในSET – 4 หุ้นเด่นmai
2023-01-03 12:17:21
121
sharer
นิวส์ คอนเน็คท์ - บล. โกลเบล็ก ชี้แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 66 ฟื้นตัวดีต่อเนื่อง จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ลดระดับความรุนแรงเป็นโรคประจำถิ่น ขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อเริ่มเข้าสู่ระดับปกติ แนะลงทุน 5 หุ้นกลุ่มเด่นใน SET พร้อมชู 4 หุ้นเด่น mai
เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2566 นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยถึงแนวโน้มทิศทางการลงทุนปี 2566 ว่า ทางฝ่ายวิจัยมองกรอบดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ( SET) ในปี 2566 ที่ระดับ 1,616 – 1,845 จุด บนสมมติฐานอัตรากำไรต่อหุ้น (EPS) ปี2566 เท่ากับ 108.85 เติบโต 8-9% เมื่อเทียบกับปี 2565 พร้อมทั้งมองว่า ภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศมีแนวโน้มฟื้นตัวในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ปรับลดระดับความรุนแรงเป็นโรคประจำถิ่น ประกอบกับตัวเลขเงินเฟ้อเริ่มทยอยชะลอตัวเข้าสู่ระดับปกติ
นอกจากนี้ ฝ่ายวิจัยยังมองปัจจัยบวกที่จะเกิดขึ้นในปี 2566 อาทิ กรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยแบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 3.7% ใน 4Q65 สูงกว่าระดับ 2.7% ที่เปิดเผยก่อนหน้านี้ ขณะที่ค่าดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐในเดือนธันวาคม 2565 ดีดตัวขึ้นและสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้บริโภคคลายความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐมากขึ้น อีกทั้ง ประเทศจีน มีมาตรการยกเลิกกักตัวผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศ โดยมีผลตั้งแต่ 8 มกราคม 2566 หลังบังคับใช้มานาน 3 ปี รวมทั้งการที่จีนผ่อนคลายมาตรการจัดการเกี่ยวกับโควิด-19 สู่ระดับ Category B จากระดับ Category A ซึ่งเป็นมาตรการป้องกันขั้นสูงสุด ขณะที่เกาะฮ่องกงประกาศเปิดพรมแดนที่ติดกับจีนแผ่นดินใหญ่อย่างเต็มรูปแบบก่อนกลางเดือนมกราคม 2566
จากปัจจัยดังกล่าว ส่งผลรายได้จากการท่องเที่ยวในประเทศและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในปี 2566 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากปี 2565 ที่มีแนวโน้มใกล้เคียง 11.5 ล้านคน เมื่อรวมกับการท่องเที่ยวในประเทศ 175 ล้านคนต่อครั้ง จะทำให้มีรายได้จากการท่องเที่ยวรวมกว่า 1.5 ล้านล้านบาท นับเป็นครึ่งหนึ่งของมูลค่ารวมในปี 2562
สำหรับปัจจัยทั้งในประเทศที่ต้องจับตา ต่อภาพรวมการลงทุนในปี2566 อาทิ การประชุมคณะกรรมการกนง.เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย นโยบายรวม 6 ครั้ง ในเดือนมกราคม มีนาคม พฤษภาคม สิงหาคม กันยายน และพฤศจิกายน นอกจากนี้ ยังแนะให้จับตาประเด็นการเมือง กรณียุบหรือไม่ยุบสภา รวมไปถึงการเลือกตั้งในประเทศ และสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่แม้ระดับความรุนแรงจะคลี่คลายแต่ก็ยังคงต้องให้ความระวัง
ขณะที่ปัจจัยที่ต้องจับตาต่างประเทศ อาทิ การกำหนดการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FED) เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 8 ครั้ง ในเดือนมกราคม มีนาคม พฤษภาคม มิถุนายน กรกฎาคม กันยายน ตุลาคม และธันวาคม รวมถึงตัวเลข GDP ของสหรัฐ กลุ่มประเทศยุโรป และจีน ส่วนปัจจัยลบนั้นมีการคาดการณ์ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยอาจจะเริ่มต้นเกิดขึ้นประมาณต้นปี 2566 ซึ่งความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังมีวาระคุกรุ่นหลายคู่ ทั้งยูเครน-รัสเซีย สหรัฐ-จีน จีน-ไต้หวัน ที่อยู่ในระดับความเสี่ยงที่สูง ขณะที่ธนาคารกลางของแต่ละประเทศทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อให้กลับสู่ระดับเป้าหมาย โดยคาดว่าที่ประชุมกนง.มีโอกาสทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2-3 ครั้ง จากระดับ 1.25% ณ ปลายปี 2565 สู่ระดับ 1.75% ถึง 2% ณ ปลายปี 2566 ส่วนภาคการส่งออกไทย ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว อัตราเงินเฟ้อ และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลก ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง ประกอบกับปี 2566 จะมีการเริ่มเก็บภาษีขายหุ้นลดสภาพคล่องของนักลงทุนด้วย
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัย จึงให้คำแนะนำ ลงทุนในหุ้น 5 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มหุ้นได้ประโยชน์จากมาตรการช้อปดีมีคืน ในปี 2566 ประกอบด้วย BJC, CPALL, MAKRO, CRC, COM7, SPVI, CPW, JMART, HMPRO, ZEN, M และ AU 2.กลุ่มหุ้นโรงไฟฟ้าได้ประโยชน์จากรายได้ปรับขึ้นตามค่า FT แต่ต้นทุนเริ่มคงที่ ประกอบด้วย GPSC, BGRIM และ RATCH 3.หุ้นกลุ่มการท่องเที่ยวที่ได้รับอานิงสงค์ประเทศจีนเปิดประเทศ ในวันที่ 8 มกราคม 2566 ประกอบด้วย MINT, CENTEL, ERW, SPA, AU และ SHR 4.กลุ่มหุ้นยั่งยืนด้านพลังงานหมุนเวียน ประกอบด้วย EA , TSE , SSP , SUPER และ PRIME และ 5.กลุ่มหุ้นได้ประโยชน์จากรถยนต์ไฟฟ้า ประกอบด้วย EA , GPSC , BCP, OR และ DELTA
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยยังได้แนะนำ “ซื้อ” 4 หุ้นเด่นในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้แก่
1.หุ้น SPA : ทยอยขาดทุนลดลง...ลุ้นพลิกมีกำไร แนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว” ที่ราคาเหมาะสม 10.80 บาท โดยมองว่าลุ้นพลิกมีกำไรจากการที่จีนเปิดประเทศสนับสนุนจำนวนผู้ใช้บริการที่เป็นลูกค้าชาวจีนที่นิยมใช้บริการสปามีจำนวนเพิ่มขึ้น ขณะที่การผ่อนคลายมาตรการจัดการโควิด-19 สนับสนุนสาขาที่เปิดดำเนินการในประเทศจีน
2.หุ้น D : ฐานลูกค้าต่างชาติขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ โดยแนะนำตาม “Bloomberg Consensus”ราคาเหมาะสมที่ 8.75 บาท โดยมองว่าฐานลูกค้าต่างชาติขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ ทิศทางผลการดำเนินงานในปี 2566 รายได้มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากปี 2565 เนื่องจากฐานลูกค้าชาวต่างชาติจะขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญจากการขยายตลาดเชิงรุกสู่กลุ่มลูกค้าชาวอาหรับซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง และลูกค้ากลุ่มประเทศเดิมจากโซนออสเตรเลีย อเมริกา และยุโรปฟื้นตัว และได้รับประโยชน์ในระยะยาวจากนโยบายในการผลักดันให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็น “Dental Hub” โดยคาดว่ากำไรปี 2566 อยู่ที่ 61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17%YoY
3.หุ้น CEYE : ธุรกิจโฆษณามีแววสดใสหนุนกำไรปี 66 เติบโตต่อเนื่อง แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 7.12 บาท โดยมองว่าธุรกิจโฆษณามีแววสดใสหนุนรายได้และกำไรปี 2566 ให้เติบโตต่อเนื่องจากการเติบโตของธุรกิจโฆษณาและแผนขยายงานออนไลน์โปรดักชั่นในต่างประเทศมากขึ้น จากเดิมที่ให้บริการเพียงภาพนิ่งเป็นหลัก ซึ่งได้รับอานิสงส์ตามการฟื้นตัวของธุรกิจหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ทำให้แบรนด์สินค้าต่างๆ ในหลากหลายธุรกิจเริ่มกลับมาใช้จ่ายด้านโฆษณามากขึ้น ส่งผลให้ปี 2566 คาดจะมีรายได้ประมาณ 398 ล้านบาท เติบโต 10%YoY และจะมีกำไรสุทธิจะอยู่ที่ 64 ล้านบาท เติบโต 19%YoY
4.หุ้น AU : ลุ้นสัดส่วนลูกค้าต่างชาติกลับสู่ระดับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 โดยแนะนำตาม “Bloomberg Consensus” กำหนดราคาเหมาะสมที่ 13.20 บาท โดยมองว่ามีโอกาสที่สัดส่วนลูกค้าต่างชาติจะกลับสู่ระดับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ซึ่งแนวโน้มผลประกอบการปี 2566 จะเติบโตดี และยังคงมีโมเมนตัมดีต่อเนื่องไปยังปี 2566 ซึ่งคาดสัดส่วนลูกค้าต่างชาติจะกลับสู่ระดับก่อนช่วงโควิด-19 ที่ราว 30-40%
นอกจากนี้ ในช่วง 4Q65 ถึงปี 2566 บริษัทยังมีแผนการขยายสาขาเชิงรุก อาทิ ร้าน After You ในห้างสรรพสินค้า และในรูปแบบ Pop-up Store, Standalone และ Marketplace, ร้านผลไม้ “ลูกก๊อ” (แบรนด์ใหม่) ตลอดจนการขยายแฟรนไชส์ไปยังกลุ่ม CLMV รวมทั้งหมดอีกราว 30 สาขา จากปัจจุบันที่มีทั้งหมด 44 สาขา ทั้งนี้คาดว่าปี 2566 จะมีกำไรสุทธิ 204 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65%YoY
DRT โชว์ผลงาน Q1/67 โต 15% รุกหนักทุกช่องทางขาย
ANI อวดกำไรโค้งแรก 163 ล. เดินหน้าโกยสัญญา GSA หนุนผลงานแกร่ง
NER โบรกฯ ส่อง "แกร่งกว่ากลุ่ม" เคาะเป้า 6.95 บาท
TIDLOR โชว์งบ Q1/67 กำไรนิวไฮ 1,104.1 ล้านบาท โต 15.6%
LH Bank ผนึกพันธมิตรอัดโปรโมชั่น ขยายฐานลูกค้า ‘LHB You’ - BM บาทอ่อน-ส่งออกพุ่ง Backlogแตะ1.7พันล. -
GUNKULลุยขยายพลังงานทดแทน หนุนรายได้โตเกิน 15% - WHAUPลงนามสัญญา PPA ลุย Aisin Powertrain