Phones





LEO เนื้อหอม กองทุนจากสิงค์โปร์เข้าซื้อบิ๊กล็อต 9 ล้านหุ้น

2023-01-17 10:16:14 120




นิวส์ คอนเน็คท์ - LEO เนื้อหอม กองทุนจากสิงค์โปร์เข้าซื้อบิ๊กล็อต 9 ล้านหุ้น พร้อมพ่วงซื้อ Warrant อีก 1 ล้านหน่วย เชื่อมั่นศักยภาพเติบโตไร้ขีดจำกัดในฐานะผู้นำโลจิสติกส์ครบวงจร

เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2566 นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการทำรายการขายหุ้น LEO ที่เกิดขึ้นผ่านระบบการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์บนกระดานใหญ่ (Big Lot) จำนวน 9 ล้านหุ้นในราคาหุ้นละ 13.10 บาท Leo-w1 จำนวน 1 ล้านหน่วย ในราคาหน่วยละ 1.08 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 118.98 ล้านบาท สำหรับการขายหุ้นบิ๊กล็อตในครั้งนี้ เป็นการทำรายการเข้าซื้อหุ้นจากกองทุนจากประเทศสิงค์โปร์ ที่มีความเชื่อมั่นในศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ LEO หลังจากได้เข้ามาพูดคุยกับทางบริษัทฯ มาเป็นระยะเวลาหนึ่ง และได้เห็นแผนการขยายธุรกิจ Logistics ทั้งในส่วนของ Freight และ Non-Freight ของบริษัท โดยเฉพาะการมุ่งเน้นการขยายธุรกิจใหม่ๆ ในส่วนของ Logistics Center, Cold Chain, Self Storage และลานเก็บตู้คอนเทนเนอร์ที่มี Gross Profit Margin สูง รวมถึงยังมีแผนการ M&A อีกหลายๆ โครงการทั้งในและต่างประเทศที่เห็นภาพชัดเจน และสามารถรับรู้รายได้ภายในประมาณไตรมาสที่ 3/2566 นี้  อีกทั้ง การขยายธุรกิจใหม่ๆที่เป็น Non-Logistics เพื่อเดินหน้าสู่การเติบโตเป็น Growth Stock ในทุกมิติ

“ก่อนที่กองทุนดังกล่าวจะเข้ามาซื้อหุ้น LEO ทางกองทุนได้เข้ามาพูดคุย รวมถึงศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการเติบโตก่อนที่จะเข้ามาซื้อหุ้นของบริษัทฯ และมีความมั่นใจว่า บริษัทฯ จะสามารถดำเนินธุรกิจและประสบความสำเร็จได้อย่างต่อเนื่อง และมองเห็นถึงช่องทางการเติบโตที่มีศักยภาพเพียงพอที่จะก้าวเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรได้อย่างแน่นอน " นายเกตติวิทย์ กล่าว

ทั้งนี้ การขายหุ้นบิ๊กล็อตในครั้งนี้ ไม่มีผลกระทบต่อโครงสร้างการบริหาร และการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ แต่อย่างใด “ จริงๆ แล้วกองทุนดังกล่าวมีความต้องการซื้อหุ้นของบริษัทฯ มากกว่า 9 ล้านหุ้น แต่บริษัทฯ ไม่สามารถจัดสรรให้ได้ จึงได้เสนอให้ทางกองทุนซื้อวอแรนท์ Leo-w1 แทนและไปใช้สิทธิ์ในการแปลงสภาพแทนในอนาคต ตอกย้ำถึงความมั่นใจของกองทุนดังกล่าวต่อพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ โดยจำนวนหุ้นที่ทางกองทุนจากประเทศสิงค์โปร์ซื้อไปนี้คิดเป็นสัดส่วน 2.8% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท” นายเกตติวิทย์ กล่าวเพิ่มเติม

สำหรับภาพรวมแนวโน้มการดำเนินธุรกิจโลจิสติกส์ในปี 2566 นี้ บริษัทฯ คาดว่าจะสร้างการเติบโตได้อย่างโดดเด่น ทั้งกลุ่ม Logistics ที่เป็น Freight และ Non- Freight และ Non Logistics เพื่อให้สมกับการเป็นหุ้น Blue Chip Stock ของผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดและยั่งยืน  ทั้งนี้ทางบริษัทฯ จะมีการประกาศแผนธุรกิจปี 2566 รวมถึงกลยุทธ์และเป้าหมายการเติบโตของ LEO ใน 3-5 ปีข้างหน้าอย่างเป็นทางการ ภายในเดือนมกราคม 2566 นี้