Phones





KJL ปักเป้ารายได้โต 15% ลุยอัพกำลังผลิตรองรับออเดอร์

2023-02-27 12:35:45 191



 
นิวส์ คอนเน็คท์ – KJL วางเป้ารายได้ปี 66 เติบโต 10-15% พร้อมรักษาอัตราการทำกำไร เดินหน้าแผนขยายตลาดไปยังอุตสาหกรรมใหม่เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ พร้อมตั้งงบลงทุน 250 ล้านบาท รองรับการสั่งซื้อเครื่องจักร และการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ
 
เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 นายเกษมสันต์ สุจิวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปี 2566 บริษัทวางเป้าหมายรายได้รวมเติบโตไม่น้อยกว่า 10-15% รวมทั้งรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ 28-30% และอัตรากำไรสุทธิไว้ที่ไม่น้อยกว่า 13-14% โดยบริษัทจะเดินหน้าขยายธุรกิจไปยังหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งอสังหาริมทรัพย์, กลุ่มโรงพยาบาล, อุตสาหกรรมพลังงานทดแทน, กลุ่มอุตสาหกรรม IT และ Data Center รวมถึงเทคโนโลยี IOT ที่จะตอบสนองธุรกิจ และการต่อยอดธุรกิจสู่ยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต
 
ทั้งนี้ จากการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ ทำให้คาดการณ์ว่าเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI ) ที่จะไหลเข้าสู่ระบบในปี 2566 มากกว่า 600,000 ล้านบาท โดยเฉพาะการลงทุนของภาคเอกชนในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ขณะเดียวกับภาครัฐที่ยังเดินหน้าขยายโครงการลงทุนใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนรวมกว่า 200,000 ล้านบาท
 
ขณะที่ภาคอสังหาริมทรัพย์จะเห็นว่าผู้ประกอบการหลายรายยังมีการพัฒนาโครงการใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการขยายตัวของผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับไฟฟ้าทุกระดับตั้งแต่ครัวเรือนไปจนถึงอุตสาหกรรม สอดรับการใช้ไฟฟ้าในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และพลังงานทดแทนในประเทศที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ บริษัทจะเดินหน้าในการเพิ่มขีดความสามารถในการขายผ่านดีลเลอร์ให้เพิ่มขึ้นจาก 400 ราย เป็น 800 ราย และจะคงความสามารถในการรักษาระดับอัตราการใช้กำลังการผลิตปีนี้ไว้ที่เฉลี่ย 70-80% ต่อปีได้อย่างต่อเนื่อง
 
โดยจากปัจจัยข้างต้นส่งผลให้บริษัทมองว่ามีโอกาสได้รับงานใหม่ๆเพิ่มเติม รวมทั้งที่ผ่านมาบริษัทได้รับคำสั่งผลิตเครื่องมือทางการแพทย์ติดตั้งภายในรถพยาบาลเข้ามาเพิ่ม 100-200 คัน คาดว่าจะทยอยส่งมอบและรับรู้เข้ามาเป็นรายได้ในไตรมาส 1/2566 ต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 2/2566 รวมถึงการที่บริษัทจะมีกำลังการผลิตสินค้าที่เกี่ยวกับระบบไฟฟ้า และสินค้าโลหะพิเศษแปรรูปสั่งผลิตพิเศษเพิ่มขึ้น 10-15% จากเดิมที่มีกำลังผลิตสินค้า 20 ล้านชิ้นต่อปี เป็น 30 ล้านชิ้นต่อปี คาดว่าจะช่วยหนุนยอดขายได้เพิ่มในปีนี้
 
ทั้งนี้ บริษัทได้มีการตั้งงบลงทุนปี 2566 ไว้ที่ราว 250 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในเครื่องจักรผลิต และการนำเทคโนโลยีระบบควบคุมการผลิตแบบ Industry 4.0 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ได้แก่ เครื่องตัดเลเซอร์, เครื่องเจาะด้วยระบบคอมพิวเตอร์, เครื่องพับ และหุ่นยนต์พับอัตโนมัติ รวมทั้งสิ้นราว 150 ล้านบาท, การลงทุนติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป 25 ล้านบาท การก่อสร้างอาคารใหม่ 50-60 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีกราว 15-25 ใช้รองรับการปรับปรุงเครื่องมือและอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ ในโรงงาน
 
อย่างไรก็ตาม บริษัทวางเป้าหมายรายได้รวมในปี 2566-2570 จะเติบโตไม่น้อยกว่า 10-15% ต่อปี โดยมีปัจจัยหนุนจากการขยายสินค้าที่มีอยู่ในปัจจุบันแล้วกว่า 700 รายการ (SKUs) ให้เพิ่มเป็นมากกว่า 1,000 SKUs ขยายพื้นที่คลังสินค้าเพิ่มเป็นกว่า 3,500 ตารางเมตร จากปัจจุบันที่มีพื้นที่รวม 2,800 ตารางเมตร แบ่งเป็นคลังสินค้าในเฟสที่ 1 ขนาด 2,200 ตารางเมตร และเฟสที่ 2 ขนาด 600 ตารางเมตร สร้างเครือข่ายการขนส่งสินค้าให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น รักษาระดับอัตราการใช้กำลังการผลิตไว้ที่เฉลี่ยไม่น้อยกว่า 70-80% ต่อปี โดยภายในไตรมาส 4/2568 จะมีขนาดกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 40 ล้านชั้นต่อปี