นิวส์ คอนเน็คท์ - กฟน.เผยเร่งประมูลสายไฟฟ้าใต้ดินมูลค่า 3 หมื่นล.ภายในปีนี้ พร้อมเร่งหาผู้รับเหมาดำเนินโครงการสมาร์ทกริด ก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย 10 แห่งรองรับการเชื่อมโยงไฟฟ้ากทม.เสริมศักยภาพความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่ม

นายกีรพัฒน์ เจียมเศรษฐ์ ผู้ว่าการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน 215 กิโลเมตร ว่า กฟน.ได้ดำเนินการเปลี่ยนไปแล้วทั้งสิ้น 46.6 กิโลเมตรและอยู่ระหว่างดำเนินการปรับเปลี่ยนในปีนี้อีก 60 กิโลเมตร อย่างไรก็ตามในช่วงที่เหลือของปีนี้ กฟน.จะเร่งดำเนินการประกวดราคาเพื่อหาผู้รับเหมามาดำเนินการติดตั้งระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินที่เหลืออีก 100 กิโลเมตรมูลค่ารวมกว่า 30,000 ล้านบาท เพื่อให้สามารถดำเนินโครงการแล้วเสร็จตามกรอบเวลาในปี 64

นอกจากนี้ กฟน.ยังอยู่ระหว่างการทำประชาพิจารณ์โครงการสมาร์ทกริดในพื้นที่กรุงเทพฯ ขนาดพื้นที่ 9 ตารางกิโลเมตรมูลค่า 1,500 ล้านบาทคาดว่าจะจัดประกวดราคาได้ในปีนี้ พร้อมกันนี้ยังได้เร่งดำเนินการขยายสถานีไฟฟ้าย่อยจำนวน 10 สถานีเพื่อเชื่อมโยงโครงข่ายระบบสมาร์ทกริดมูลค่าโครงการรวม 3,000 ล้านบาทไม่รวมที่ดิน และเพื่อรองรับการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ่นในพื้นที่กรุงเทพฯ จ.นนทบุรี และจ.สมุทรปราการตามการขยายโครงข่ายรถไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างจัดหาที่ดินโดยโครงการนี้กำหนดแล้วเสร็จในปี 65

ส่วนการติดตั้งสถานีชาร์ตรถยนต์ไฟฟ้าได้ดำเนินการติดตั้งไปแล้ว 12 แห่งในสำนักงาน กฟน. คาดว่าสิ้นปีนี้จะดำเนินติดตั้งเป็น 21 แห่ง นอกจากนี้ยังได้ร่วมมือกับภาคเอกชนขยายสถานีชาร์ตรถยนต์ไฟฟ้าอีกด้วยอาทิ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL เพื่อสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้า

สำหรับความคืบหน้าการก่อสร้างสถานีไฟฟ้าต้นทางในโครงการสถานีกลางบางซื่อเพื่อรองรับระบบไฟฟ้าในสถานีกลางและการเดินรถไฟฟ้ามั่นใจว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จตามกำหนดการและทันการเปิดเดินรถไฟชานเมืองสายสีแดงในปลายปีนี้

ขณะที่ผลประกอบการในปี 62 มั่นใจว่าจะมีกำไรเติบโตตามเป้าหมายที่ 9,000 ล้านบาท โดยในครึ่งปีแรก กฟน.มีกำไรแล้ว 5,000 ล้านบาทเพิ่มขึ้นประมาณ 4-5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากจำนวนผู้ใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นราว 1-2% โดยเฉพาะแนวเส้นทางรถไฟฟ้าที่เป็นปัจจัยหนุนให้ความต้องการใช้เพิ่มขึ้น

ส่วนโครงการโซลาร์ภาคประชาชนในโควตาของ กฟน. 30 เมกะวัตต์ที่เปิดให้ยื่นตั้งแต่ 24 พ.ค. 62นั้นมีผู้สนใจยื่นสมัครเพียง 3 เมกะวัตต์ แต่ก็มั่นใจว่าสิ้นปีนี้จะมีผู้ยื่นเต็มโควตา