Phones





หุ้น TPL มีดี มีเด็ด มากกว่าขนส่งสินค้า

2023-06-21 19:27:27 395



หุ้น TPL มีดี มีเด็ด มากกว่าขนส่งสินค้า  

เป็นอีกหนึ่งหุ้น IPO ที่ถูกจับตามอง สำหรับ บริษัท ไทยพาร์เซิล จำกัด (มหาชน) หรือ TPL ที่เสนอขายหุ้น IPO จำนวน 120 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 22.90% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดธุรกิจบริการ ซึ่งเมื่อวันที่ 30 พ.ค. 66 ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้เริ่มนับหนึ่งแบบไฟลิ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

และเมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 66 TPL กำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO หุ้นละ 3.30 บาท โดยจะเปิดให้จองซื้อหุ้นระหว่างวันที่ 22-23 และ 26 มิ.ย. 66 และคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ได้ในวันที่ 30 มิ.ย. 66 โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า "TPL" หมวดธุรกิจบริการ
โดย TPL ให้บริการธุรกิจขนส่งสินค้า เริ่มจัดตั้งในปี 2547 ซึ่งในปี 2548 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น บจก.พัสดุภัณฑ์ไทย และเปิดให้บริการศูนย์รับและกระจายสินค้าประเภท B2B ในปีเดียวกัน หลังจากนั้นขยายศูนย์รับและกระจายสินค้าจำนวน 12 แห่ง เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ และได้เริ่มรับลูกค้าประเภท C2C โดยในปี 2555 ประสบความสำเร็จในการสร้าง HUB กระจายสินค้าครบทุกภูมิภาค และพัฒนาต่อเนื่อง

นายภัทรลาภ ทวีวงศ์ ณ อยุธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TPL เผยว่า "TPL ให้บริการจัดส่งพัสดุทุกขนาด แต่มีความเป็นนิช มาร์เก็ต (Niche Market) ด้วยความโดดเด่นในด้านการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ น้ำหนักมาก (Odd size/Over weight) ในประเทศไทย TPL ซึ่งเป็น segment ที่มีความแข็งแกร่ง ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้บริการมาอย่างยาวนาน เพราะเราขนส่งสินค้าที่ได้ตรงตามกำหนดเวลา ราคาเหมาะสม ทั้งยังสามารถตรวจเช็คสถานะขนส่งได้แบบ Real-time"
 
นอกจากนี้ บริษัทยังมีการให้บริการเสริม (Fulfillment) เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการแก่ลูกค้า ได้แก่ บริการจัดส่งคืนเอกสารการจัดส่งสินค้าสู่ลูกค้าต้นทาง (Proof of Delivery: POD) บริการห่อหุ้มสินค้าและจัดชุดสินค้าเพื่อเตรียมกระจาย (Packing) ซึ่งเป็นการให้บริการเสริมให้แก่กลุ่มลูกค้าภาคธุรกิจในปัจจุบัน

จากจุดแข็งของ TPL ที่กล่าวไว้ด้านบน บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด มองว่า TPL จะยังมีการเติบโตได้อีกมากในอนาคต โดยประเมินว่ารายได้ปีนี้จะเติบโตราว 15-20% โดยภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 21.11 ล้านบาท ขณะที่งวดไตรมาส 1/2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 9.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 2.41 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 18.90% จากงวดเดียวกันปีก่อนเท่ากับ 18.04% และอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น 0.53 เท่า อีกทั้ง TPL มีแผนในการลดต้นทุนที่เป็นรูปธรรม ด้วยการปรับมาใช้พลังงานไฟฟ้า จากเดิมใช้น้ำมัน คาดว่าจะช่วยลดต้นทุนได้ราว 50%  

สำหรับโครงสร้างรายได้ของกลุ่มบริษัท สามารถแบ่งได้ตามประเภทของการจัดส่ง ได้แก่ 1) การจัดส่งแบบธุรกิจถึงธุรกิจ (Business to Business: B2B), 2) การจัดส่งแบบบุคคลถึงบุคคล (Customer to Customer: C2C) และ 3) การจัดส่งแบบธุรกิจถึงบุคคล (Business to Customer: B2C)
 
"ที่ผ่านมา บริษัทมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อการบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างสูงสุด ทำให้บริษัทสามารถรักษาฐานลูกค้าเดิม และสามารถเพิ่มฐานลูกค้ากลุ่มใหม่เข้ามาใช้บริการขนส่งสินค้าได้มากขึ้น ดังนั้น จึงมองหาโอกาสที่จะขยายขีดความสามารถในส่วนของศูนย์คัดแยกและกระจายสินค้า รถขนส่ง และระบบการจัดการงานขนส่ง เพื่อให้สามารถรองรับจำนวนลูกค้าที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการให้สามารถบริการลูกค้าได้อย่างครบวงจรมากขึ้น โดยวัตถุประสงค์ของการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อใช้ในการจัดหาที่ดิน และก่อสร้างศูนย์คัดแยกและกระจายสินค้าประจำภูมิภาค รวมถึงศูนย์กระจายสินค้าในเขต กทม. การซื้อยานพาหนะที่เป็นรถขนส่งแบบ EV การสร้างสถานีชาร์จไฟและอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงการลงทุนในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพสนับสนุนการเติบโตในอนาคตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยเราตั้งใจที่จะให้เป็นบริษัท high growth" นายภัทรลาภ ทวีวงศ์ ณ อยุธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TPL ระบุ

นอกจากความโดดเด่นของธุรกิจ บวกกับแผนธุรกิจที่วางตำแหน่งให้เป็นบริษัท high growth แล้ว "ความเชื่อมั่นต่อบริษัท" ถือเป็นเรื่องสำคัญ และสำหรับ TPL ไม่ต้องห่วงกังวลในส่วนนั้น เพราะพบว่า "มีนักลงทุน IV" หลายราย เข้ามาถือหุ้นใน TPL สะท้อนถึงความเชื่อมั่นต่อธุรกิจและการเติบโตในอนาคตแน่นอน (ดูจากรายชื่อผู้ถือหุ้น)  
 
สำหรับ TPL ถือได้ว่า เป็นหุ้น IPO ที่ไม่ควรมองข้าม...ถือลงทุนได้ ไม่ผิดหวัง