Phones





SBITO เปิดบริการใหม่ SBITrade USA

2019-11-28 12:03:39 696




นิวส์ คอนเน็คท์ – SBITO เปิดตัวบริการใหม่ SBITrade USA สอดรับนโยบาย ธปท. ให้นักลงทุนรายย่อยสามารถออกไปลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ นำร่องลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ด้วยรูปแบบการซื้อขายเศษส่วนหุ้นครั้งแรกในวงการลงทุนไทยและเอเชีย เพื่อเป็นทางเลือกในการลงทุนตามจำนวนเงินของนักลงทุนบนระบบออนไลน์เชื่อมต่อแพลตฟอร์มต่างประเทศ


เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 นางยูกิโกะ โรเบิร์ตส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอสบีไอ ไทย ออนไลน์ จำกัด หรือ SBITO ผู้ให้บริการธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์แบบออนไลน์ชั้นนำของไทย (บริษัทสมาชิกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หมายเลขที่ 33) เปิดเผยว่า การปรับเกณฑ์ล่าสุดของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่เอื้อด้านเงินทุนไหลออกและลดแรงกดดันต่อค่าเงินบาท ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ การลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศของนักลงทุนรายย่อยให้ลงทุนเองได้ ดังนั้น เพื่อรองรับการออกไปลงทุนในต่างประเทศของนักลงทุนไทยที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และสร้างโอกาสการลงทุนให้กับนักลงทุนไทยในการลงทุนในตลาดต่างประเทศ รวมทั้งช่วยให้การลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศมีความสะดวกมากขึ้น บริษัทฯ จึงได้เปิดบริการใหม่ SBITrade USA รูปแบบการลงทุนใหม่ครั้งแรก ของวงการธุรกิจหลักทรัพย์และการลงทุนไทยที่จะทำให้นักลงทุนเป็นเจ้าของหุ้นดังๆ ในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาได้ง่าย


ล่าสุด SBITO จับมือกับไดร์ฟเวลธ์ แอลแอลซี (DriveWealth LLC) บริษัทชั้นนำด้านนวัตกรรมด้านการซื้อขาย และลงทุนผ่านระบบดิจิทัลเทคโนโลยีของสหรัฐ และฟิวชั่นไอคิว (FusionIQ) ฟินเทคระดับแนวหน้าในด้านการออกแบบนวัตกรรมทางด้านการเงินและการลงทุนในสหรัฐ ออกแบบและพัฒนาการซื้อขายแบบเศษส่วนหุ้น (Fractional Shares) ครั้งแรกในอุตสาหกรรมหลักทรัพย์ของประเทศไทยและในเอเชีย ที่นักลงทุนจะสามารถซื้อขายเศษหุ้นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผ่านบริการ SBITrade USA ของ SBITO


โดยลูกค้าของ SBITO สามารถส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นด้วยตนเองผ่านหน้าเว็บไซต์ www.sbito.co.th ด้วยการระบุจำนวนเงินลงทุนที่ต้องการเป็นจำนวนเงินดอลลาร์สหรัฐ แทนการระบุคำสั่งซื้อด้วยจำนวนหุ้นที่ต้องการ ซึ่งแตกต่างจากรูปแบบการซื้อหุ้นที่คุ้นเคย และ SBITrade USA จะทำการซื้อขายหุ้นที่นักลงทุนต้องการ ในราคาที่ดีที่สุดผ่านระบบ National Best Bid and Offer หรือ NBBO โดยจะซื้อหุ้นที่ต้องการในตลาดที่มีราคาเสนอขาย (Best Offer) ที่ต่ำที่สุดให้ ในทางตรงข้าม หากลูกค้าต้องการขายหุ้น ระบบจะไปหาตลาดที่มีคนเสนอซื้อที่ราคาที่สูงที่สุดให้ (Best Bid) ระบบนี้จะช่วยให้ลูกค้าสามารถซื้อหุ้นได้ในราคาต่ำที่สุดและขายได้ราคาสูงที่สุด ทั้งนี้นักลงทุนจะได้รับ Email แจ้งเมื่อทำรายการสำเร็จและแจ้งยืนยันการซื้อขายจากบริษัทอย่างเป็นทางการในวันทำการถัดไป นักลงทุนสามารถซื้อขายได้ในวันจันทร์ถึงวันศุกร์ เวลา 21.30 น. - 04.00 น. (เวลาประเทศไทย)


“การร่วมมือครั้งนี้กับไดร์ฟเวลธ์ และ ฟิวชั่นไอคิว เป็นการย้ำถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของ SBITO ที่จะอำนวยความสะดวกให้นักลงทุนรายย่อยชาวไทยได้เข้าถึงการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยเริ่มจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดหุ้นที่ใหญ่ที่สุด มีสภาพคล่องดีที่สุด และเป็นตลาดหุ้นที่โปร่งใสที่สุดในโลกด้วยการลงทุนผ่านแพลทฟอร์มที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงสำหรับการซื้อขายหุ้นนี้” นางยูกิโกะกล่าว


สำหรับการเปิดบริการ SBITrade USA นี้ SBITO ได้นำร่องการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งมีตลาดสำคัญอย่าง ตลาดหุ้นนิวยอร์ค (NYSE) ซึ่งเป็นตลาดหลักทรัพย์แห่งแรกของสหรัฐฯ ตลาดหุ้นแนสแด็ก (NASDAQ) ตลาดหุ้นสำคัญของบริษัทเทคโนโลยี อาทิ Microsoft, Apple, Cisco, Oracle, และ Dell เป็นต้น รวมไปถึงตลาดหุ้น BATS Market ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของสหรัฐฯ โดยตลาดหลักทรัพย์ NYSE และ NASDAQ มีขนาดใหญ่อันดับหนึ่งและอันดับสองของโลก มีมูลค่ารวมกันประมาณ 40 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40% ของตลาดหุ้นทั่วโลก เงินทั่วโลกจึงไหลเข้ามาลงทุนในตลาดนี้ ดังนั้น SBITrade USA จึงเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถลงทุนในหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศสหรัฐฯ ได้ง่าย



นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พรรคประชาธิปัตย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน และอดีตกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดเผยมุมองการลงในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ช่วงนี้ว่า บรรยากาศการลงทุนมีความสัมพันธ์กับการเมืองมากขึ้น เนื่องจากว่าก่อนการเลือกตั้งในสหรัฐฯ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ น่าจะส่งสัญญาณเชิงบวกให้กับตลาดการเงิน และเชื่อว่าประธานาธิบดีทรัมป์ก็ไม่อยากให้เกิดเศรษฐกิจถดถอยขณะที่กำลังดำรงตำแหน่ง เพราะฉะนั้นบรรยากาศทางการเมืองจึงเอื้อแก่บรรยากาศการลงทุน


“แม้ว่าในเชิงมูลค่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯอาจจะดูไม่ถูกนัก พื้นฐานของประเทศสหรัฐฯ ไม่ค่อยแข็งแกร่งจากภาระหนี้ที่สูงขึ้น รวมไปถึงการบริโภคในประเทศที่ยังชะลอตัว แต่เชื่อว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯพร้อมที่จะผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐฯลดดอกเบี้ย รวมไปถึงเรื่องการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 1.56 แสนล้านดอลลาร์นั้น ก็มีแนวโน้มที่จะเลื่อนการจัดเก็บภาษีดังกล่าวออกไป เนื่องจากไม่ต้องการให้ผู้บริโภคของสหรัฐได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าที่จะพุ่งขึ้น” นายปริญญ์กล่าว