นิวส์ คอนเน็คท์ - “สนธิรัตน์” จัดทัพพลังงานปี 63 เร่งนโยบายโรงไฟฟ้าชุมชนเฟสแรก 500 เมกะวัตต์คาดมีเม็ดเงินลงทุนสูง 8 หมื่นล้านบาท ลุยหนุนพลังงานชุมชน พร้อมปรับโครงสร้างพลังงานจังหวัด ดึงเอกชนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก

เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2562 นายสนธิรัตน์ สธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังเป็นประธานสัมมนา “การสื่อสารนโยบายพลังงานสู่การปฏิบัติ ปี 2563” ว่า ในปี 63 กระทรวงพลังงานมีภารกิจที่ต้องเร่งดำเนินงานหลายด้าน ภายใต้นโยบาย “Energy For All” ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือค่าครองชีพของประชาชนด้านพลังงานอย่างเป็นรูปธรรม ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ด้วยส่วนลดค่าก๊าซหุงต้มและค่าไฟฟ้าผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยอยู่ระหว่างปรับปรุงโครงสร้างราคาพลังงาน ทั้งน้ำมันและราคาก๊าซธรรมชาติให้เกิดความเป็นธรรม

นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานยังได้ศึกษาแนวทางการนำเอาปริมาณการสำรองไฟฟ้าของประเทศไทยในสัดส่วนที่เกินราว 30% มาเป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าให้กับผู้ให้บริการถไฟฟ้า BTS, MRT และรถ BRT เพื่อให้ประชาชนได้ส่วนลดค่าโดยสาร รวมถึงจะนำไฟฟ้าที่ผลิตได้ส่วนเกินนำไปจำหน่ายให้กับประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย

อีกทั้งยังมีการส่งเสริมพัฒนาพลังงานชุมชนทั้งในพื้นที่ที่ไม่มีไฟฟ้าใช้หรือพื้นที่ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง ซึ่งในปัจจุบันมีประมาณ 40 จังหวัด 662 หมู่บ้าน 53,687 ครัวเรือน และมีพื้นที่อยู่ปลายสายส่งที่เกิดปัญหาไฟตกไฟดับบ่อยอีก 11 จังหวัด 52 หมู่บ้าน 60,599 ครัวเรือน รวมถึงการส่งเสริมพลังงานชุมชนในพื้นที่ที่มีศักยภาพด้านการใช้พลังงานทดแทนมีวัตถุดิบที่สามารถนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงพลังงาน และต้องมีผู้นำชุมชนที่เข้มแข็ง โดยในปัจจุบันมีการเสนอพื้นที่เข้ามากว่า 100 พื้นที่ซึ่งทางกระทรวงพลังงานก็ต้องคัดเลือกพื้นที่ที่เหมาะสมต่อไป

ทั้งนี้ การส่งเสริมการพัฒนาพลังงานชุมชนนั้น จะใช้เงินเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานส่วนหนึ่งมาสนับสนุน โดยปัจจุบันมีเงินกองทุนอนุรักษ์พลังงานปีละประมาณ 10,000 ล้านบาท และจะดึงภาคเอกชนมาช่วยสนับสนุนในเชิงของ CSR เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

พร้อมกันนี้เพื่อสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เกิดความแข็งแกร่งในปี 63 จะเร่งผลักดันในเกิดโรงไฟฟ้าชุมชนกว่า 1,000 เมกะวัตต์ในช่วง 3 ปีข้างหน้า โดยรูปแบบโรงไฟฟ้าชุมชนได้ดำเนินการจัดทำเสร็จแล้ว และจะมีการนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในวันที่ 16 ธ.ค.นี้ โดยในปี 63 นั้นจะมีการส่งเสริมการลงทุนในเฟสแรกก่อน คาดว่าจะมีการลงทุนมากกว่า 500 เมกะวัตต์ มูลค่าการลงทุนรวมกว่า 70,000-80,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนและเศรษฐกิจฐานราก กระทรวงพลังงานจะปรับโครงสร้างพลังงานจังหวัดใหม่ โดยจะทยอยปรับตำแหน่งให้พลังงานจังหวัดเป็นระดับ C9 จากปัจจุบันอยู่ระดับ C8 เพื่อสร้างแรงจูงใจในการทำงานให้เกิดประสิทธิผล พร้อมกับการประเมินผลงานทุกปี เพื่อเป็นการชี้วัดระดับ KPI เพราะพลังงานจังหวัดถือว่าเป็นหัวหอกสำคัญในการผลักดันให้เกิดเศรษฐกิจฐานราก

พร้อมกันนี้ กระทรวงพลังงานจะเดินหน้าส่งเสริมเชื้อเพลิงชีวภาพในกลุ่มน้ำมันเบนซินเพื่อให้การใช้แก๊สโซฮอล์ E20 เป็นน้ำมันเกรดหลักในกลุ่มเบนซิน พร้อมยกเลิกการใช้น้ำมันในกลุ่มเบนซินบางชนิด หลังจากที่ปี 62 ผลักดันให้เกิดการใช้ B10 ทั่วประเทศเป็นน้ำมันดีเซลเกรดมาตรฐาน และมี B20 ที่ใช้สำหรับรถบรรทุกขนาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยให้ตลาดน้ำมันปาล์มมีความสมดุลมากขึ้น สร้างเสถียรภาพราคาไม่ให้ได้รับผลกระทบจากความผันผวนราคาในตลาดโลก อีกทั้ง เตรียมประกาศนโยบายการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า (EV) อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อส่งเสริมภาพรวมให้เกิดการใช้ EV อย่างแพร่หลาย โดยอาจจะสร้างแรงจูงใจให้เอกชนลงทุนติดตั้งระบบชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า