Phones
หน้าแรก
Stock
เศรษฐกิจมหภาค
แบงก์ - Finance
อสังหาริมทรัพย์ - Marketing
ประกัน - ท่องเที่ยว
Variety
สกู้ป พิเศษ
SET
ATLAS เดินเครื่องขยายธุรกิจ หลังได้เงินไอพีโอ 1.2 พันล.
MAI
IND คว้า CGR “ดีเลิศ” ระดับ 5 ดาว
IPO
ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง ‘TEBP’ ขาย IPO 90 ล้านหุ้น
บล./บลจ
กบข. ผนึกกำลังจุฬาฯ ปั้นนักลงทุนรุ่นใหม่
เศรษฐกิจ-การเงิน-การคลัง
วิจัยกรุงศรี จับสัญญาณกนง.หั่นดอกเบี้ย หนุนศก.ฟื้น
การค้า - พาณิชย์
คต. หนุนผู้ส่งออกใช้ ‘Self-Certification’ หวังรับสิทธิพิเศษทางการค้า
พลังงาน - อุตสาหกรรม
ฟร้อนท์ไลน์ฯ เดินหน้าสู่ผู้นำการจัดการน้ำครบวงจร
คมนาคม - โลจิสติกส์
SO คว้า 4 ดาว CGR ปี 68
แบงก์ - นอนแบงก์
ออมสินปลื้ม! GSB SAVINGS FORUM คนล้น-กิจกรรมแน่น
ไฟแนนซ์ - ลิสซิ่ง
PUEAN ชำระคืนหุ้นกู้ตามนัด ลุยดันพอร์ตสินเชื่อแตะพันล้าน
SMEs - Startup
SCBX จับมือ สกมช. เสริมแกร่งความมั่นคงไซเบอร์ไทย
ประกันภัย - ประกันชีวิต
คปภ. ประกาศความสำเร็จ “InsurTech Summit 2025” ปีที่ 2
รถยนต์
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ชี้อุตฯรถยนต์ – ชิ้นส่วน ปัจจัยเสี่ยงรุมเร้า
ท่องเที่ยว
GCAP เปิดตัวโดรนโดยสารไร้คนขับครั้งแรกในไทย เจาะตลาดการท่องเที่ยว
อสังหาริมทรัพย์
ศุภาลัย ปิดดีลเล่นใหญ่! ทุบยอดขายกว่า 1,153 ล้านบ.
การตลาด
AEROFLEX ชวนสัมผัส “ความเย็นที่รู้สึกได้ ผลลัพธ์ที่พิสูจน์ได้จริง”
CSR
SCBX จับมือ สกมช. เสริมแกร่งความมั่นคงไซเบอร์ไทย
Information
ไทยประกันชีวิต จัดพิธีถวายความอาลัยแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
Gossip
LEO สุดสตรอง! คว้า CGR 4 ดาว
Entertainment
ไทยประกันชีวิต-แอทเลติโก้ คัดเยาวชนต่อยอดบอลที่สหรัฐฯ
สกุ๊ป พิเศษ
ATLAS หุ้นเด่น! LPG นวัตกรรมสุดล้ำ
CIS แนะจับตา “ทองคำ – น้ำมัน” อาจกลับเข้าสู่ขาขึ้น
2023-10-10 16:48:57
142
sharer
นิวส์ คอนเน็คท์ – CIS มองโอกาส “ทองคำ – น้ำมัน” เป็นขาขึ้นทั้งในช่วงสั้นและระยะยาว ราคาเด้งรับปัจจัยหนุนรอบด้านทั้งสงครามอิสราเอล - ฮามาส และนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และค่าเงินดอลลาร์ อาจเข้าสู่รอบย่อตัว หลังเป็นขาขึ้นต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2566 นายณพวีร์ พุกกะมาน นักลงทุนและผู้ก่อตั้ง Creative Investment Space (CIS) สถาบันให้ความรู้ด้านนวัตกรรมการลงทุนรูปแบบใหม่ เปิดเผยว่า ผลจากการที่อิสราเอลทำสงครามกับกลุ่มฮามาส เป็นหนึ่งในจุดเปลี่ยนสำคัญของราคาทองคำและน้ำมัน โดยเป็นไปได้ว่าทั้งสองสินทรัพย์อาจจบรอบการพักฐานเข้าสู่การฟื้นตัวครั้งใหม่ โดยราคาทองคำเมื่อคืนวันศุกร์ (6 ต.ค. 66) ที่ผ่านมามีการย่อตัวลงมาแตะแนวรับสำคัญที่เป็นจุดต่ำสุดเดิมในเดือนมีนาคมของปีนี้ ที่ระดับ 1,808 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา เนื่องจากผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ยังคงพุ่งขึ้นและทำจุดสูงสุดที่ 4.85% ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ยังแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ที่ระดับราคาทองคำดังกล่าวยังคงมีแรงซื้อกลับเข้ามาอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจประเมินได้ว่ามีนักลงทุนบางส่วนคาดการณ์ไว้แล้วว่าผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และค่าเงินดอลลาร์ จะเกิดการย่อตัวลง หลังจากเป็นขาขึ้นมาได้ระยะหนึ่ง ประกอบกับ RSI ของทองคำลงมาในระดับ Oversold ในรอบหลายปี ทำให้มีแรงซื้อคืนต่อเนื่องมาจนถึงเช้าวันจันทร์ (9 ต.ค. 66) ที่ตลาดซื้อขายเปิด หลังจากสงครามได้เกิดขึ้นในช่วงวันหยุด
“หากไม่มีสงคราม การเด้งคืนของทองคำอาจมองเป็นการฟื้นตัวระยะสั้น แต่ทองคำถือเป็นสินทรัพย์ที่สร้างผลตอบแทนได้ดีในช่วงที่เกิดภาวะสงคราม จึงเป็นไปได้ว่าหากสงครามมีความรุนแรงยืดยาว ทองคำอาจจะปรับตัวขึ้นได้ต่อ ซึ่งสอดคล้องกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ หรือ Bond Yield อาจจะปรับตัวลงได้บ้าง” นายณพวีร์ กล่าว
ทั้งนี้ ภาพทางเทคนิค ทองคำอาจจะติดแนวต้านระยะสั้นที่ 1,870 ดอลลาร์สหรัฐฯ และหากจะคาดหวังให้ราคาทองคำกลับมาเป็นขาขึ้นในระยะยาวจะต้องกลับมายืนเหนือระดับเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ที่ 1,900 ดอลลาร์สหรัฐฯ ให้ได้ก่อน ขณะเดียวกันยังต้องจับตาแนวรับที่ 1,808 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยการที่ทองคำปรับตัวลงจากจุดสูงสุดของปีนี้แล้วกว่า 14% ถือเป็นระดับของการปรับฐานที่น่าสนใจ
ในส่วนราคาน้ำมัน ปรับตัวขึ้นแรงกว่า 5% ในการเปิดตลาดซื้อขายเช้าวันจันทร์ โดยน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงจากจุดสูงสุด 94 ดอลลาร์สหรัฐฯ มาที่เส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ที่ 80 ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นการปรับตัวลง 14% แล้วมีการฟื้นตัวขึ้น ในภาพทางเทคนิคยังถือว่ารักษาแนวโน้มการเป็นขาขึ้นในภาพใหญ่ไว้ได้ และอาจจะเดินหน้าปรับตัวขึ้นต่อ โดยหากผ่านจุดสูงสุดเดิมที่ 95 ดอลลาร์สหรัฐฯ จะมีโอกาสแตะระดับ 100 ดอลลาร์สหรัฐฯ
โดยปัจจัยระยะสั้นนี้ Fed Watch Tool บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นกว่า 20% ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งถัดไปที่จะมีขึ้นในวันที่ 1 พฤศจิกายน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย Higher For Longer ที่จะคงดอกเบี้ยระดับสูงยาวนานต่อเนื่อง
ขณะที่วันพุธนี้ (11 ต.ค. 66) จะมีการเปิดเผยรายละเอียดการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ครั้งที่ผ่านมา ซึ่งจะต้องรอดูความคิดเห็นของกรรมการแต่ละรายถึงแนวโน้มเศรษฐกิจ และในวันพฤหัสบดีนี้ (12 ต.ค. 66) จะมีการประกาศตัวเลข CPI หรือ อัตราเงินเฟ้อเดือนกันยายน ซึ่งจะมีผลต่อการตัดสินใจของการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ในครั้งต่อไปว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% หรือไม่
สำหรับสินทรัพย์อื่น ตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไปจะเข้าสู่ช่วงการแถลงผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ให้จับตาดูหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ทั้ง 7 ตัว มีโอกาสที่จะฟื้นตัวจากเดือนกันยายน โดยดัชนี NASDAQ ปรับตัวลดลงประมาณ 3% มีหุ้น 4 ตัวที่สร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าดัชนี ได้แก่ Meta, Tesla, Alphabet และ Microsoft ส่วนหุ้นที่สร้างผลตอบแทนได้ต่ำกว่าก็มี Amazon, Apple และ Nvidia ช่วงนี้จึงน่าสนใจที่จะเริ่มทยอยสะสมหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ โดยเฉพาะตัวที่ยัง Underperform ตลาดอย่าง Amazon, Apple และ Nvidia ที่มีอัพไซด์ให้สามารถที่จะทำกำไรได้
ขณะที่สินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง “บิทคอยน์” ยังสามารถที่จะทยอยสะสมระยะยาวได้ โดยเป็นไปได้ว่าการตัดสินใจเรื่องอนุมัติ Bitcoin ETF อาจเกิดขึ้นในเดือนมกราคมปีหน้า ช่วงนี้จึงสามารถทยอยซื้อได้หากราคาไม่ร่วงต่ำกว่า 21,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนหุ้นเวียดนามสามารถเข้าซื้อได้เช่นกันหลังย่อตัวลงแล้วยังรักษาแนวโน้มขาขึ้นไว้ได้ ส่วนตลาดหุ้นจีนยังมีความเสี่ยงอีกมากยังไม่ใช่เวลาที่จะเข้าลงทุน
ATLAS เดินเครื่องขยายธุรกิจ หลังได้เงินไอพีโอ 1.2 พันล.
COCOCO เยือน PEZA หารือสิทธิประโยชน์ลงทุนฟิลิปปินส์
PTECH เริ่มบุ๊กรายได้ธุรกิจใหม่ - PTG คาดกำไร Q3/68 โตแรง 181%
PTECH เร่งเครื่องธุรกิจ แย้มผลงานครึ่งปีหลังสดใส
CH คว้าคะแนน CGR 4 ดาว ระดับ “ดีมาก” ต่อเนื่องปีที่ 2
BANPU ปรับทัพใหญ่ควบรวม BPP - IND คว้างานใหม่ รฟม. Backlog พุ่ง 2.34 พันล.