Phones
หน้าแรก
Stock
เศรษฐกิจมหภาค
แบงก์ - Finance
อสังหาริมทรัพย์ - Marketing
ประกัน - ท่องเที่ยว
Variety
สกู้ป พิเศษ
SET
SPREME เทรดวันแรกเหนือจอง 31.53%
MAI
LEO ลุยจับมือพันธมิตรตั้งบ.ย่อยใหม่ 2 แห่ง
IPO
โบรกฯ เคาะเป้าหมาย SPREME สูงสุด 5 บ./หุ้น
บล./บลจ
KH Academy ผนึกพันธมิตรเปิด ‘KH Legal Aid’
เศรษฐกิจ-การเงิน-การคลัง
SCB EIC เดาใจ กนง. ลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง สู่ระดับ 2.00%
การค้า - พาณิชย์
TikTok ผนึก SME D Bank เสริมทักษะดิจิทัล – แหล่งเงินทุนแก่เอสเอ็มอี
พลังงาน - อุตสาหกรรม
TGE ดันผลงานปี 67 โต 10% พร้อมลุยประมูลงานใหม่อีก 30 MW
คมนาคม - โลจิสติกส์
SJWD เซ็นสัญญารับงาน ‘กลุ่มแอสเซทไวส์’
แบงก์ - นอนแบงก์
EXIM BANK สินเชื่อโต7% เดินหน้าหนุนธุรกิจ Green Export Supply Chain
ไฟแนนซ์ - ลิสซิ่ง
TIDLOR อนุมัติจ่ายปันผลเป็นหุ้น-เงินสด ขึ้น XD 24 เม.ย. 67
SMEs - Startup
BTG จัดตั้ง “Betagro Ventures” ลุยลงทุน “FoodTech & AgriTech”
ประกันภัย - ประกันชีวิต
TQM ผนึก BKI ผุดประกันภัยมนุษย์เงินเดือน
รถยนต์
GPI โชว์ยอดจองรถงาน “มอเตอร์โชว์” 58,611 คัน
ท่องเที่ยว
ttb analytics ประเมินเงินสะพัดกว่า 4.2 หมื่นล.ในช่วงสงกรานต์ปี 67
อสังหาริมทรัพย์
A5 บอร์ดไฟเขียวออกวอร์แรนต์ A5-W4
การตลาด
M-150 Sparkling ผนึกกำลัง RoV เขย่าวงการอีสปอร์ต
CSR
BTG จัดตั้ง “Betagro Ventures” ลุยลงทุน “FoodTech & AgriTech”
Information
“ดิทโต้-เน็ตเบย์” สร้างแบรนด์เสริมภาพลักษณ์ ผ่านสปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง หนุน 3 นักกอล์ฟดาวรุ่ง ไทย
Gossip
SM สัญญาณดี๊ดี! ทยอยสะสมก่อนขึ้น XD 7 พ.ค. นี้
Entertainment
fintips by ttb ชวนพิชิตหนี้ด้วย 3 สิ่งต้องรู้
สกุ๊ป พิเศษ
NER เดินหน้าโตแกร่ง ควบคู่เน้น ESG
CIS แนะจับตา “ทองคำ – น้ำมัน” อาจกลับเข้าสู่ขาขึ้น
2023-10-10 16:48:57
41
sharer
นิวส์ คอนเน็คท์ – CIS มองโอกาส “ทองคำ – น้ำมัน” เป็นขาขึ้นทั้งในช่วงสั้นและระยะยาว ราคาเด้งรับปัจจัยหนุนรอบด้านทั้งสงครามอิสราเอล - ฮามาส และนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และค่าเงินดอลลาร์ อาจเข้าสู่รอบย่อตัว หลังเป็นขาขึ้นต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2566 นายณพวีร์ พุกกะมาน นักลงทุนและผู้ก่อตั้ง Creative Investment Space (CIS) สถาบันให้ความรู้ด้านนวัตกรรมการลงทุนรูปแบบใหม่ เปิดเผยว่า ผลจากการที่อิสราเอลทำสงครามกับกลุ่มฮามาส เป็นหนึ่งในจุดเปลี่ยนสำคัญของราคาทองคำและน้ำมัน โดยเป็นไปได้ว่าทั้งสองสินทรัพย์อาจจบรอบการพักฐานเข้าสู่การฟื้นตัวครั้งใหม่ โดยราคาทองคำเมื่อคืนวันศุกร์ (6 ต.ค. 66) ที่ผ่านมามีการย่อตัวลงมาแตะแนวรับสำคัญที่เป็นจุดต่ำสุดเดิมในเดือนมีนาคมของปีนี้ ที่ระดับ 1,808 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา เนื่องจากผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ยังคงพุ่งขึ้นและทำจุดสูงสุดที่ 4.85% ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ยังแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ที่ระดับราคาทองคำดังกล่าวยังคงมีแรงซื้อกลับเข้ามาอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจประเมินได้ว่ามีนักลงทุนบางส่วนคาดการณ์ไว้แล้วว่าผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และค่าเงินดอลลาร์ จะเกิดการย่อตัวลง หลังจากเป็นขาขึ้นมาได้ระยะหนึ่ง ประกอบกับ RSI ของทองคำลงมาในระดับ Oversold ในรอบหลายปี ทำให้มีแรงซื้อคืนต่อเนื่องมาจนถึงเช้าวันจันทร์ (9 ต.ค. 66) ที่ตลาดซื้อขายเปิด หลังจากสงครามได้เกิดขึ้นในช่วงวันหยุด
“หากไม่มีสงคราม การเด้งคืนของทองคำอาจมองเป็นการฟื้นตัวระยะสั้น แต่ทองคำถือเป็นสินทรัพย์ที่สร้างผลตอบแทนได้ดีในช่วงที่เกิดภาวะสงคราม จึงเป็นไปได้ว่าหากสงครามมีความรุนแรงยืดยาว ทองคำอาจจะปรับตัวขึ้นได้ต่อ ซึ่งสอดคล้องกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ หรือ Bond Yield อาจจะปรับตัวลงได้บ้าง” นายณพวีร์ กล่าว
ทั้งนี้ ภาพทางเทคนิค ทองคำอาจจะติดแนวต้านระยะสั้นที่ 1,870 ดอลลาร์สหรัฐฯ และหากจะคาดหวังให้ราคาทองคำกลับมาเป็นขาขึ้นในระยะยาวจะต้องกลับมายืนเหนือระดับเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ที่ 1,900 ดอลลาร์สหรัฐฯ ให้ได้ก่อน ขณะเดียวกันยังต้องจับตาแนวรับที่ 1,808 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยการที่ทองคำปรับตัวลงจากจุดสูงสุดของปีนี้แล้วกว่า 14% ถือเป็นระดับของการปรับฐานที่น่าสนใจ
ในส่วนราคาน้ำมัน ปรับตัวขึ้นแรงกว่า 5% ในการเปิดตลาดซื้อขายเช้าวันจันทร์ โดยน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงจากจุดสูงสุด 94 ดอลลาร์สหรัฐฯ มาที่เส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ที่ 80 ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นการปรับตัวลง 14% แล้วมีการฟื้นตัวขึ้น ในภาพทางเทคนิคยังถือว่ารักษาแนวโน้มการเป็นขาขึ้นในภาพใหญ่ไว้ได้ และอาจจะเดินหน้าปรับตัวขึ้นต่อ โดยหากผ่านจุดสูงสุดเดิมที่ 95 ดอลลาร์สหรัฐฯ จะมีโอกาสแตะระดับ 100 ดอลลาร์สหรัฐฯ
โดยปัจจัยระยะสั้นนี้ Fed Watch Tool บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นกว่า 20% ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งถัดไปที่จะมีขึ้นในวันที่ 1 พฤศจิกายน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย Higher For Longer ที่จะคงดอกเบี้ยระดับสูงยาวนานต่อเนื่อง
ขณะที่วันพุธนี้ (11 ต.ค. 66) จะมีการเปิดเผยรายละเอียดการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ครั้งที่ผ่านมา ซึ่งจะต้องรอดูความคิดเห็นของกรรมการแต่ละรายถึงแนวโน้มเศรษฐกิจ และในวันพฤหัสบดีนี้ (12 ต.ค. 66) จะมีการประกาศตัวเลข CPI หรือ อัตราเงินเฟ้อเดือนกันยายน ซึ่งจะมีผลต่อการตัดสินใจของการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ในครั้งต่อไปว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% หรือไม่
สำหรับสินทรัพย์อื่น ตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไปจะเข้าสู่ช่วงการแถลงผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ให้จับตาดูหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ทั้ง 7 ตัว มีโอกาสที่จะฟื้นตัวจากเดือนกันยายน โดยดัชนี NASDAQ ปรับตัวลดลงประมาณ 3% มีหุ้น 4 ตัวที่สร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าดัชนี ได้แก่ Meta, Tesla, Alphabet และ Microsoft ส่วนหุ้นที่สร้างผลตอบแทนได้ต่ำกว่าก็มี Amazon, Apple และ Nvidia ช่วงนี้จึงน่าสนใจที่จะเริ่มทยอยสะสมหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ โดยเฉพาะตัวที่ยัง Underperform ตลาดอย่าง Amazon, Apple และ Nvidia ที่มีอัพไซด์ให้สามารถที่จะทำกำไรได้
ขณะที่สินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง “บิทคอยน์” ยังสามารถที่จะทยอยสะสมระยะยาวได้ โดยเป็นไปได้ว่าการตัดสินใจเรื่องอนุมัติ Bitcoin ETF อาจเกิดขึ้นในเดือนมกราคมปีหน้า ช่วงนี้จึงสามารถทยอยซื้อได้หากราคาไม่ร่วงต่ำกว่า 21,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนหุ้นเวียดนามสามารถเข้าซื้อได้เช่นกันหลังย่อตัวลงแล้วยังรักษาแนวโน้มขาขึ้นไว้ได้ ส่วนตลาดหุ้นจีนยังมีความเสี่ยงอีกมากยังไม่ใช่เวลาที่จะเข้าลงทุน
SPREME เทรดวันแรกเหนือจอง 31.53%
APCO ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ป้องกันมะเร็ง-สมองเสื่อม
W เพิ่มทุน ขาย PP 1.65 พันล้านหุ้น รับแผนปี 67 เทิร์นอะราวด์
SPREMEลั่นระฆังเทรด SET วันแรก โบรกฯเคาะเป้าสูง 5.00 บ. - TQM ผนึก BKI เปิดตัวประกันภัยมนุษย์เงินเดือน
TIDLOR ยกระดับสู่ “โฮลดิ้งส์” – ตั้งบริษัทใหม่ลุย ‘InsurTech Platform’
CIVIL โชว์ Backlog แน่นมือหนุนผลงานสดใส ผถห.ไฟเขียวปันผล 0.012 บาท/หุ้น