Phones





KTBส่องนทท.จีนพุ่งแตะ23ล้านคน

2019-12-12 16:40:52 832




นิวส์ คอนเน็คท์ - KTB คาดนักท่องเที่ยวจีนมีโอกาสเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 6.9% ตามกำลังซื้อและสัดส่วนชนชั้นกลางที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ลุ้นยอดนักท่องเที่ยวจีนในไทยจะแตะ 23 ล้านคน ในปี 73 จากปัจจุบันที่ 11.1 ล้านคน  


เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 62 ดร.พชรพจน์ นันทรามาศ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB เปิดเผยว่า ปัจจุบันนักท่องเที่ยวจีนมีความสำคัญอย่างมากต่อภาคการท่องเที่ยวของไทยและทั่วโลก จากการทำบทวิจัยเรื่อง “เกาะติดทิศทางนักท่องเที่ยวจีน” พบว่าใน 10 ปีข้างหน้า การท่องเที่ยวต่างประเทศของชาวจีนจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 6.9% จาก 160 ล้านคนในปี 62 เป็น 334 ล้านคน ในปี 73 เนื่องจากกำลังซื้อที่ยังเพิ่มขึ้น แม้เพิ่มในอัตราที่ชะลอลงบ้างตามทิศทางเศรษฐกิจ


นอกจากนี้ จีนยังมีแผนเพิ่มสนามบินใหม่อีกกว่า 200 แห่ง ปรับโครงสร้างพื้นฐานสนามบินเดิม รวมทั้งยังผ่อนคลายด้านวีซ่าของประเทศต่างๆหนุนให้ชาวจีนเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศได้ง่ายขึ้น ขณะที่โครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนไปจะสร้างนักท่องเที่ยวจีนหน้าใหม่ราว 33 ล้านคน โดยนักท่องเที่ยวจีนส่วนใหญ่มีอายุเฉลี่ย 35 ปี สามารถเข้าถึงข้อมูลในโลกออนไลน์และสามารถท่องเที่ยวได้ด้วยตนเอง ซึ่งเริ่มมองหาแหล่งท่องเที่ยวประเภท Unseen รวมถึงเมืองรองทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น โดยเวียดนาม เมียนมาและกัมพูชา เป็นแหล่งท่องเที่ยวมาแรงในสายตาของนักท่องเที่ยวจีน


นายณัฐพร ศรีทอง ผู้ร่วมทำวิจัยกล่าวเสริมว่า ปัจจุบันไทยยังเป็นปลายทางแหล่งท่องเที่ยวอันดับ 1 ของนักท่องเที่ยวจีน รองลงมาคือญี่ปุ่นและเวียดนาม ซึ่งในอนาคต Krungthai Compass ประเมินแนวโน้มนักท่องเที่ยวจีนออกเป็น 2 กรณี โดยกรณีแรกคือ หากไทยสามารถรักษาสัดส่วน 7% ของชาวจีนที่เดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่มาเยือนไทยมีโอกาสแตะ 23 ล้านคน ในปี 73 จากปัจจุบันที่มีจำนวน 11.1 ล้านคน และกรณีที่สอง คือ หากการแข่งขันรุนแรง โดยเฉพาะประเทศเวียดนาม อาจทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเติบโตเพียง 5.5% หรืออยู่ที่ 20 ล้านคนใน 10 ปีข้างหน้า


ทั้งนี้ ไทยต้องแข่งขันด้วยการรักษาจุดแข็งด้านความงดงามทางธรรมชาติ ความโดดเด่นด้านโครงสร้างพื้นฐานบริการด้านการท่องเที่ยว การขนส่งทางอากาศและราคา เพิ่มความหลากหลายและความพร้อมของแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ โดยเฉพาะเมืองรอง เช่น จังหวัด เชียงราย สุโขทัย ตราด ตรัง และแม่ฮ่องสอน ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นเรื่องความปลอดภัย  


อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการไทยควรทำการตลาดบนโซเชียลมีเดียจีนมากขึ้น เพื่อดึงดูดความสนใจและสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของนักท่องเที่ยวจีนที่เชื่อถือข้อมูลบนโซเชียลมีเดียสูงมาก ซึ่งการสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์จีนนั้น อาจมีความท้าทายจากกฎระเบียบของประเทศจีน ผู้ประกอบการไทยจึงอาจเลือกใช้บริการจากเอเจนซีผู้เชี่ยวชาญในการทำการตลาดออนไลน์บนแพลตฟอร์มของจีนแทน ซึ่งมีทั้งบริษัทคนไทยและบริษัทร่วมทุน โดยสามารถจัดทำเป็นบทความภาษาจีนที่น่าสนใจ เพื่อเผยแพร่ในรูปแบบและช่องทางที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย การส่งแบนเนอร์ของธุรกิจไปยังหน้าจอ WeChat ตลอดจนการใช้บุคคลที่มีอิทธิพลทางความคิดของชาวจีนที่มีอยู่มากมายช่วยรีวิวสินค้าและบริการ