Phones





KTBชูยุทธ์ศาสตร์“ต่อยอดคู่ค้าจากลูกค้า”

2019-12-18 17:15:19 896




นิวส์ คอนเน็คท์ – KTB ตั้งเป้าสินเชื่อปี 63 เติบโต 2.7-3% เล็งขยายกลุ่มสินเชื่อบุคคลและสินเชื่อที่อยู่อาศัย ส่วนสินเชื่อเอสเอ็มอียังมีความเสี่ยง เน้นช่วยประคองลูกค้าให้สามารถชำระหนี้ได้ พร้อมวางยุทธ์ศาสตร์ “ต่อยอดคู่ค้าจากลูกค้า” และใช้ประโยชน์จากการที่มีรัฐบาลเป็นพันธมิตรรายใหญ่  


เมื่อวันที่18 ธันวาคม 62 นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB เปิดเผยว่า ภาพรวมสินเชื่อรวมของธนาคารในปี 63 มองว่าจะสามารถเติบโตได้ในระดับ 2.7-3% โดยธนาคารจะเน้นการขยายสินเชื่อรายย่อย ทั้งในส่วนขอวสินเชื่อบุคคล และสินเชื่อที่อยู่อาศัย รวมทั้งสินเชื่อภาครัฐ และธุรกิจรายใหญ่ยังสามารถขยายตัวได้ แต่กลุ่มสินเชื่อเอสเอ็มอีคงไม่ได้มีการเติบโตมากนัก ซึ่งธนาคารคงเน้นช่วยประคองลูกค้าให้ชำระหนี้คืนธนาคาร ส่วนกลุ่มที่มีปัญหาอาจพิจารณาให้สามารถปรับโครงสร้างหนี้


ในส่วนของตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) ปี 63 คาดหวังว่าจะปรับตัวลดลงจากนี้ โดยธนาคารจะมีการปรับโครงสร้างหนี้ให้กับลูกค้าบางราย และอาจจะมีการตัดขายหนี้ NPL บางส่วนออกไป โดยอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพก่อนหักค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อรวม (Gross NPL) ในปัจจุบันอยู่ที่ 109,818 ล้านบาท หรือ 4.58% และอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพหลักหักค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญของเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมหลังหักค่าเผื่อหนี้สงสัญจะสูญของเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Net NPL) อยู่ที่ 44,910 ล้านบาท 1.92%


ทั้งนี้ แผนการดำเนินงานของธนาคารในปี 63 อาจจะพิจารณาการปิดสาขาอีกประมาณ 50-70 สาขา ในพื้นที่ที่มีจำนวนลูกค้าเข้ามาใช้บริการไม่มาก และเพื่อให้สอดคล้องกับการให้บริการลูกค้าที่ส่วนใหญ่เปลี่ยนมาใช้ช่องทางดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งธนาคารต้องการบริหารจัดการต้นทุนให้ลดลง เพื่อชดเชยการปรับตัวลดลงของรายได้ค่าธรรมเนียมและรายได้ดอกเบี้ย โดยเฉพาะการที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายมีการปรับตัวลดลง 2 ครั้งในปีนี้ ส่งผลให้ดอกเบี้ยฝั่งเงินกู้มีการปรับตัวลดลง แต่ในฝั่งของเงินฝากยังไม่สามารถปรับลดลงได้มากนัก ทำให้กระทบต่อ NIM ของธนาคาร


อย่างไรก็ตาม แม้ธนาคารจะมีการปิดสาขาอย่างต่อเนื่อง แต่ยืนยันว่าจะไม่มีการปลดหรือเลิกจ้างพนักงงานอย่างแน่นอน แต่พนักงานของธนาคารที่มีอยู่ในปัจจุบันกว่า 21,000 คนจะต้องยอมรับการเข้า Reskill เพื่อเพิ่มทักษะ และจะต้องสามารถย้ายพื้นที่ทำงาน หรือโยกย้ายข้ามสายงานได้ ซึ่งธนาคารคาดว่าในระยะ 3 ปีข้างหน้าจะมีจำนวนพนักงานลดลงราว 30% โดยไม่จำเป็นต้องการปลดหรือเลิกจ้าง


สำหรับยุทธศาสตร์ที่สำคัญของธนาคารในการขับเคลื่อนธุรกิจในปี 63 คือการพยายามต่อยอดคู่ค้าจากลูกค้าของธนาคารให้ได้มากที่สุด และจะต้องใช้ประโยชน์จากการมีรัฐบาลลูกค้ารายใหญ่ ซึ่งที่ผ่านมาธนาคารถูกมองว่าเป็นเครื่องมือหรือถูกครอบงำจากรัฐบาล แต่ความเป็นจริงแล้วธนาคารถือเป็นผู้ที่คอยบริหารจัดการเรื่องการเงินให้กับรัฐบาลผ่านนโยบายต่างๆ และถือว่ารัฐบาลเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่สำคัญ