Phones





‘บลจ.อเบอร์ดีน’ คลอดกองทุนเปิด ‘ABGFIX’ ลงทุนตราสารหนี้ทั่วโลก

2023-11-22 18:28:33 138



นิวส์ คอนเน็คท์ - บลจ.อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) มองการลงทุนในตราสารหนี้สหรัฐฯเป็นโอกาสและจังหวะที่เหมาะสมจากการที่เศรษฐกิจสหรัฐฯในปีนี้แข็งแกรง ส่งผลให้มีการปรับอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงที่ 5.5% ล่าสุดเปิดขายกองทุนเปิด ‘ABGFIX’ เน้นการลงทุนตราสารหนี้คุณภาพสูงทั่วโลก เน้นการลงทุนระยะสั้นไม่เกิน 2 ปี
 
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 นายณพงค์ธาริน ทรัพยานนท์ Head of Fixed Income and Asset Allocation บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า การลงทุนในตราสารหนี้สหรัฐฯเป็นโอกาสและจังหวะที่เหมาะสมจากการที่เศรษฐกิจสหรัฐฯในปีนี้แข็งแกรงส่งผลให้มีการปรับอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงที่ 5.5% และถือเป็นอัตราสูงสุดในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา โดยหากมองไปข้างหน้าเชื่อว่าดอกเบี้ยชองสหรัฐฯน่าจะอยู่ในระดับสูงสุดแล้ว ซึ่งแนวโน้มน่าจะกลับมามีโอกาสปรับลดลงได้ในปีหน้าซึ่งเศรษฐกิจสหรัฐฯในปีหน้าถึงแม้มีโอกาสชะลอตัว แต่ยังสามารถลดอัตราดอกเบี้ยได้ในระดับหนึ่ง และคาดว่าจะเหลือประมาณ 4%จากเดิม 5.5%
 
อย่างไรก็ตาม บริษัทแนะนำให้นักลงทุนลงทุนในกองทุนที่มีอายุเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 1-2 ปีจากเดิมที่เคยลงทุนในมันนี่มาร์เก็ต โดยเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯเกิดความผิดปกติจาการที่ผลตอบแทนไม่สัมพันธ์กับอายุของตราสารหนี้ โดยการลงทุนในตราสารหนี้ระดับ2ปีปัจจุบันมีอัตราผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนในพันธบัตรอายุ 10ปีนอกจากนี้เรายังแนะนำการลงทุนในตราสารหนี้ในระดับที่สามารถลงทุนได้มากกกว่า Hi – yield Bond เนื่องจากยังมีความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯในปีหน้า และส่วนต่างของอัตราผลตอบแทนกับความเสี่ยงของทั้ง2สินทรัพย์ไม่จูงใจเพียงพอ
 
ทั้งนี้ การลงทุนในต่างประเทศอาจไม่มีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากมองว่าแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นโอกาสในการเพิ่มผลตอบแทนที่ดีกว่าโดยจะวิเคราะห์แนวโน้มค่าเงินดอลลาร์จากความเป็นไปได้จาก3สถานการณ์ประกอบด้วย1.เศรษฐกิจสหรัฐถดถอยมากกว่าตลาดคาดการณ์ 2.เศรษฐกิจสหรัฐฯดีกว่าที่ตลาดคาด 3.อัตราดอกเบี้ยลงไม่ลงหรือลงน้อยกว่าคาด
 
ล่าสุด บริษัทได้ทำการเปิดขายกองทุนเปิด ABGFIX ระหว่างวันที่ 20-30 พ.ย.นี้ โดยกองทุนจะมีการลงทุนในตราสารหนี้โลกเป็นหลัก แบ่งตราสารหนี้ประเทศพัฒนาแล้ว 63% และตราสารหนี้ประเทศตลาดเกิดใหม่ 37% โดยจุดเด่นของกองทุนหลัก 1.ตราสารหนี้มีคุณภาพสูง พอร์ตการลงททุนมีอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้เฉลี่ยอยู่ในเกณพ์ที่ดีไม่ต่ำกว่า A-
2.ยกระดับอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้น โดยกองทุนหลักตั้งเป้าผลตอบแทนส่วนเพิ่มด้วย Hi – yield Bond 20% และอัตราผลตอบแทน SOFR +1.75-2.25%
 
3.เป็นกองทุนที่มีความผันผวนต่ำ ด้วยอายุเฉลี่ยตราสารหนี้ของพอร์ตน้อยกว่า 2 ปี ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดจาการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย และ 4.สภาพคล่องสูง โดยนักลงทุนสามารถรับเงินขายหน่วยลงทุนคืนได้ภายใน 2 วันทำการ ขณะที่กองทุนหลักสามารถรับเงินคืนได้ภายใน 1 วันทำการ
 
สำหรับการเพิ่มผลตอบแทนส่วนหนึ่งมาจากการลงทุนใน Hi – yield Bond  13% จากเพดานการลงทุนของกองทุนที่ 20% โดยกองทุนนี้สามารถให้ผลตอบแทนที่ดี จากพอร์ตการลงทุนที่หลากหลาประกอบกับการลงทุนในอายุตราสารหนี้ที่เหมาะสม ซึ่งหากดู ณ ปัจจุบันกองทุนให้ผลตอบปแทนเฉลี่ยของพอร์ตตราสารหนี้ที่ถืออยู่ประมาณ 6.3 และมีตราสารหนี้ที่ลงทุนอายุเฉลี่ยประมาณ 1.3 ปี โดยค่าเฉลี่ยของอันดับความน่าเชื่อถือชองตราสารหนี้อยู่ที่ A/A- โดยมีส่วนต่างเพิ่มขึ้นจากการลงทุนปกติประมาณ 1.7% จากการทำสถิติทอดสอบผลตอบแทนย้อนหลัง 10 ปีระหว่าง 2013-2022 พบกว่ากองทุนมีโอกาสขาดทุนสูงสุดไม่ถึง 3% แม้จะต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่เลวร้าย ขณะที่กองทุนทั่วไปติดลบไปถึง 25% ซึ่งถือเป็นความผันผวนที่ต่ำจากกลยุทธ์การลงทุน
 
ขณะที่สภาพคล่องของกองทุนหลักสามารถทำให้มีการขายคืนหน่วยลงทุนได้ในระดับ T+1 เนื่องจากมีการถือเงินสดประมาณ 10% และมีการลงทุนในตราสารหนี้ที่อายุต่ำกว่า 1 ปีขั้นต่ำอยู่ประมาณ 15% และมีการลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศพัฒนาแล้วเป็นหลัก
 
“สภาพคล่องสูงคุณภาพสูงยิลด์ต่ำ แต่ถ้าอยากด้ยิลด์สูง คุณภาพกับสภาพคล่องจะลดลงมา เราจึงต้องมีกรอบเอาไว้ ซึ่งในส่วนของอายุตราสารหนี้ จะเฉลี่ยไม่เกิน 2 ปี และอันดับความน่าเชื่อถือของเราจะต้องไม่ต่ำกว่า A- โดยตอนนี้เรายังสามารถทำผลตอบแทนได้สูงถึง 7%” นายณพงค์ธาริน กล่าว