Phones





พลังงานวางมาตรการรับมือสหรัฐฯ-อิหร่าน

2020-01-06 14:56:38 547




นิวส์ คอนเน็คท์ - ก.พลังงาน เตรียมมาตรการใช้เงินกองทุนน้ำมันฯ พร้อมเพิ่มกำลังการผลิตในไทย รับมือกรณีความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ-อิหร่าน ย้ำดูแลประชาชนในทุกสถานการณ์


เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2563 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดแถลงข่าวชี้แจงกรณีสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างประเทศสหรัฐฯและอิหร่าน ที่ส่งผลต่อราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกว่า ทางกระทรวงพลังงานได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินและเตรียมการ หากเกิดสถานการณ์ที่วิกฤตเพิ่มขึ้น

โดยจากการประเมินสถานการณ์เบื้องต้น ยังไม่มีผลกระทบในด้านราคาน้ำมันภายในประเทศ และการสำรองน้ำมันภายในประเทศไทย โดยวันนี้ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ในระดับ 69 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลยังอยู่ในระดับราคาที่รับมือได้ แต่หากระดับราคาน้ำมันดิบดูไบขึ้นไปถึงระดับ 80 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ทางกระทรวงพลังงานก็พร้อมนำเงินกองทุนน้ำมันฯ มาช่วยอุดหนุนราคาน้ำมัน เพื่อช่วยพยุงราคาน้ำมันในไทยไม่ให้ราคาเกิดความผันผวนจนส่งผลกระทบต่อประชาชน


ทั้งนี้ ในด้านบริหารราคาน้ำมันเชื้อเพลิง กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง มีเกณฑ์สำหรับการบริหารจัดการราคาน้ำมันในช่วงสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งได้มีการจัดทำเป็น Scenario ในช่วงระดับราคาต่างๆ ในการบริหารจัดการราคาน้ำมันไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชน ซึ่งจะมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดในเรื่องดังกล่าว ขณะนี้สถานะกองทุนน้ำมันฯ ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 37,000 ล้านบาท


ขณะเดียวกัน ปัจจุบันไทยมีปริมาณสำรองน้ำมันดิบประมาณ 2,988 ล้านลิตร ปริมาณสำรองน้ำมันดิบที่อยู่ระหว่างขนส่งอีก 1,144 ล้านลิตร น้ำมันสำเร็จรูป 1,468 ล้านลิตร รวมจำนวนวันที่สามารถใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้ทั้งหมด 50 วัน ส่วนปริมาณสำรองก๊าซ LPG ทั้งหมดประมาณ 101 ล้านกิโลกรัม สำรองได้ 17 วันสำหรับใช้ในภาคครัวเรือน


อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์รุนแรงขึ้น กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ จะขอความร่วมมือในการงดส่งออกน้ำมันดิบ ซึ่งจะได้ปริมาณน้ำมันดิบเพิ่มมากขึ้นประมาณ 25,000 บาร์เรลต่อวัน และหากมีเหตุฉุกเฉิน ก็สามารถเพิ่มการผลิตภายในประเทศเพิ่มขึ้นอีก 36,000 บาร์เรลต่อวัน จากปัจจุบันผลิตน้ำมันดิบได้ประมาณ 1.3 แสนบาร์เรลต่อวัน โดยจะขอความร่วมมือกับโรงกลั่นน้ำมันให้หาทางออกด้านเทคนิคเพื่อใช้น้ำมันดิบในประเทศทั้งหมด


ปัจจุบันกระทรวงพลังงานได้มีการบริหารจัดการนำเข้าน้ำมันดิบเพื่อกระจายความเสี่ยงระยะยาว โดยได้ขอความร่วมมือกับกลุ่มบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ได้ปรับลดสัดส่วนการนำเข้าน้ำมันจากตะวันออกกลางที่เคยสูงถึงกว่า 74% และล่าสุดปรับลดเหลือประมาณ 50% หรือจาก 420,000 บาร์เรลต่อวัน ลดเหลือ 250,000 บาร์เรลต่อวัน เพื่อลดความเสี่ยงการขนส่งน้ำมันดิบผ่านช่องแคบฮอร์มุซหากมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น โดยหันมานำเข้าน้ำมันดิบจากทวีปอเมริกา และแอฟริกาตะวันตก


>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ News Connext เชื่อมต่อข่าวเศรษฐกิจ การเงิน การลงทุน