Phones





สนพ.คาดทิศทางพลังงานปี63โต1.8%

2020-01-07 15:33:45 789




นิวส์ คอนเน็คท์ – สนพ.คาดแนวโน้มการใช้พลังงานขั้นต้นปี 63 จะเติบโต 1.8% ตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศและเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น ส่วนปี 62 การใช้พลังงานขั้นต้นเติบโต 0.7% ชี้การใช้ LPG ลดลงเหตุหันไปใช้เตาไฟฟ้า


เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2563 นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน เปิดเผยถึงสถานการณ์พลังงานปี 62 ที่ผ่านมา ว่า ภาพรวมของการใช้พลังงานขั้นต้นของประเทศ เติบโตเพิ่มขึ้น 0.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของการใช้น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และพลังงานทดแทน สอดคล้องกับ GDP ของประเทศ ที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์ฯ) คาดการณ์ว่าจะขยายตัวประมาณ 2.6% ตามการขยายตัวของการลงทุนและการบริโภคของเอกชน และราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 62 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

ขณะเดียวกันการใช้พลังงานขั้นสุดท้ายของปี 62 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยประมาณ 0.1% โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของการใช้น้ำมันสำเร็จรูปในภาคขนส่ง การใช้ไฟฟ้าภาคครัวเรือนและธุรกิจเพิ่มขึ้น ขณะที่การใช้ถ่านหินและลิกไนต์ลดลงจากการใช้ในภาคอุตสาหกรรม เช่นเดียวกับการใช้ NGV ในภาคขนส่งลดลงอย่างมากถึง 11% เนื่องจากผู้ใช้รถยนต์ NGV บางส่วนหันมาใช้น้ำมันทดแทน


ส่วนการใช้น้ำมันสำเร็จรูปมีการใช้เพิ่มขึ้น 1.6% โดยน้ำมันเบนซิน และดีเซล เพิ่มขึ้น ประมาณ 4% จากราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ และมีวันหยุดต่อเนื่องหลายวัน ขณะที่น้ำมันเครื่องบินเพิ่มขึ้นไม่มากนัก เนื่องจากการชะลอตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวในช่วงครึ่งปีแรก ขณะที่การใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ลดลงเกือบทุกสาขา โดยเฉพาะภาคครัวเรือน เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคมีการใช้เตาไฟฟ้าและเตาไมโครเวฟเพิ่มขึ้น ส่วนภาคขนส่งลดลงจากผู้ใช้รถยนต์บางส่วนหันไปใช้น้ำมันแทนเนื่องจากราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศอยู่ในระดับที่ไม่สูงมากนัก สำหรับการใช้ไฟฟ้า ในปี 62 มีอัตราเพิ่มขึ้น 3.8% เนื่องจากประเทศไทยเข้าสู่ฤดูร้อนเร็วกว่าปีก่อน อีกทั้งมีอุณหภูมิอากาศที่สูงขึ้น


สำหรับแนวโน้มการใช้พลังงานปี 63 คาดว่าการใช้พลังงานขั้นต้นจะเพิ่มขึ้น 1.8% จากการเพิ่มขึ้นของน้ำมัน ถ่านหิน ลิกไนต์ พลังงานทดแทน ไฟฟ้านำเข้า และก๊าซธรรมชาติ ขณะที่การใช้พลังงานไฟฟ้าของปี 63 คาดว่าเพิ่มขึ้น 2.6% จากปีก่อน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศปรับตัวดีขึ้นอย่างช้าๆ การส่งออกที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นตามการดำเนินมาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาครัฐ มาตรการการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และการลงทุนภายใต้โครงการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (PPP)


ส่วนสถานการณ์เหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกากับอิหร่านคงต้องจับตาอย่างใกล้ชิด ซึ่งทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น โดยราคาน้ำมันดิบดูไบปรับเพิ่มขึ้นถึง 6% จากเมื่อวันที่ 2 ม.ค. 63 ซึ่งอยู่ที่ 65.6 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เป็น 69.6 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่ง สนพ. จะคอยติดตามและประเมินสถานการณ์ผลกระทบจากเหตุการณ์นี้อย่างใกล้ชิด


อย่างไรก็ตามหากภายในสัปดาห์นี้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น 5 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล กระทรวงพลังงานเตรียมใช้เงินจากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปพยุงราคาขายปลีกน้ำมัน โดยเฉพาะราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร จากปัจจุบันราคาดีเซล B10 อยู่ที่ 25.39 บาทต่อลิตร เพื่อบรรเทาผลกระทบประชาชนในช่วงราคาน้ำมันผันผวน



>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ News Connext เชื่อมต่อข่าวเศรษฐกิจ การเงิน การลงทุน