นิวส์ คอนเน็คท์ – “สมคิด” เร่ง กฟผ.ลงทุนช่วงเงินบาทแข็งค่า พร้อมรุกขยายตลาด CLMV และมาเลเซีย มอบหมายหามาตรการลดค่าไฟฟ้าให้ผู้มีรายได้น้อย ด้านผู้ว่า กฟผ.เผย ปีนี้เร่งลงทุน 3.6 หมื่นล้านบาทในโครงการโรงไฟฟ้า ระบบสายส่ง นำเข้า LNG รมว.พลังงานรับลูกเตรียมเรียก ปตท.-กฟผ. หารือเรื่องเร่งรัดการลงทุนช่วงเงินบาทแข็ง

เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2563 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ว่า ได้มอบหมายให้กระทรวงพลังงาน และ กฟผ.ให้ดำเนินการเร่งรัดการลงทุนในปีนี้ในโครงการที่จะดำเนินการลงทุนตามแผนให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะเร่งการลงทุนในช่วงที่เงินบาทแข็งค่า เนื่องจากจะทำให้มีต้นทุนที่ถูกลง และยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศอีกด้วย

ขณะเดียวกัน ได้มอบหมายให้กระทรวงพลังงาน และกฟผ.หามาตรการลดค่าไฟฟ้าให้กับผู้มีรายได้น้อย และผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางขนาดย่อม (SMEs) พร้อมกันนี้ให้กฟผ.ดำเนินการขยายการลงทุนในกลุ่มประเทศ CLMV รวมถึงประเทศมาเลเซีย ซึ่ง กฟผ.มีศักยภาพเพียงพอที่จะขยายลงทุนในกลุ่มตลาดต่างประเทศ ขณะเดียวกัน กลุ่มประเทศ CLMV เป็นประเทศที่เริ่มขยายการลงทุนจะมีความต้องการใช้ไฟฟ้ามากขึ้นเป็นโอกาสดีที่กฟผ.จะเข้าไปขยายการลงทุน

นอกจากนี้ให้ กฟผ.ไปดำเนินการพาพันธมิตรเพื่อลงทุนด้านนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ส่วนการลงทุนโรงไฟฟ้าชุมชนนั้น กฟผ.จะเข้าไปดำเนินการในบางพื้นที่พร้อมให้ร่วมมือกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ในการส่งเสริมชาวบ้านให้ได้ประโยชน์จากโครงการนี้อย่างไร

ด้านนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ในวันที่ 10 ม.ค.นี้ เตรียมเรียกหน่วยงานรัฐวิสสาหกิจที่อยู่ภายใต้กำกับดูแลของกระทรวงพลังงานอย่างบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และ กฟผ. หารือในเรื่องการเร่งรัดการลงทุนในช่วงเงินบาทแข็งค่าว่าจะสามารถเร่งดำเนินการลงทุนในโครงการใดได้บ้าง

ขณะที่มาตรการลดค่าไฟฟ้าให้กับผู้มีรายได้น้อย จะต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อศึกษาหาแนวทางมาเป็นมาตรการลดค่าไฟฟ้าแก่ผู้มีรายได้น้อย ซึ่งราคาค่าไฟฟ้าสำหรับผู้มีรายได้น้อยจะต้องเป็นราคาเดียวกันทั่วประเทศ โดยในเบื้องต้นอาจจะประเมินผู้มีรายได้น้อยจากผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ พร้อมกันนี้ก็ต้องไปศึกษาอีกด้วยว่าจะมีมาตรการช่วยลดค่าไฟฟ้าให้กับกลุ่มผู้ประกอบการ SME อย่างไร

นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวว่า สำหรับปี 63 นั้นมีงบลงทุนราว 36,000 ล้านบาทโดยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนโรงไฟฟ้าเพื่อความมั่นคงของ กฟผ. ระบบสายส่งไฟฟ้าแรงดันสูง รวมลงทุนโครงการโซลาร์ลอยน้ำในเขื่อนสิรินธรที่ได้รับการอนุมัติการลงทุนจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว ซึ่งจะต้องพิจารณาอีกทีว่าจะเร่งดำเนินการลงทุนในโครงการใดได้บ้างในช่วงเงินบาทแข็งค่า

ส่วนการลงทุนใน 8 โรงไฟฟ้า ตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าระยะยาว (พีดีพี2018 ) วงเงิน 3แสนล้านบาทที่จะเสนอ ครม.ในเร็วๆนี้ จะเริ่มลงทุนตั้งแต่ปี 65 เป็นต้นไป โดยโรงไฟฟ้าจะทยอยเข้าระบบในปี68-72

ด้านนายธวัชชัย จักรไพศาล รองผู้ว่าการเชื้อเพลิง กฟผ. กล่าวว่า ในที่ประชุมนายสมคิด ได้เร่งให้ดำเนินการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ล็อตใหม่เพื่อให้ได้ครบ 600,000 ตันในช่วงเงินบาทแข็งค่า จากก่อนหน้านั้นที่ได้ให้ PETRONAS LNG เป็นผู้ได้สิทธิ์จัดหา LNG ให้กับ กฟผ. 130,000 ตัน ซึ่งจะนำเข้าครบในเดือน เม.ย.63 โดยเป็นการนำเข้าในแบบSpot อย่างไรก็ตาม การนำเข้าLNG ของกฟผ.จะต้องไม่ทำให้ปตท.มีปัญหาเรื่องภาระ take or pay ในสัญญาซื้อขายก๊าซระยะยาวกับซัพพลายเออร์อื่นที่ได้มีการลงนามกันไปแล้ว

>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews