Phones





TPLAS รุกตลาด Food Packaging – แตกไลน์ธุรกิจใหม่ หนุนรายได้โต 10%

2024-02-21 16:51:16 122



 
นิวส์ คอนเน็คท์ – TPLAS มั่นใจผลงานผ่านจุดต่ำสุด ตั้งเป้ารายได้ปี 67 เติบโต 10% เดินเกมรุกตลาด Food Packaging รองรับดีมานด์ผู้บริโภคยุคใหม่ พร้อมศึกษาตลาด CLMV เพิ่มฐานรายได้ ควบคู่ไปกับการแตกไลน์ธุรกิจใหม่ สร้าง New S-Curve หนุนผลงานเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน
 
เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 นายอภิรัตน์ ธีระรุจินนท์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก (1994) จำกัด (มหาชน) หรือ TPLAS เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทมีรายได้จากการขายรวม 517.13 ล้านบาท และมีรายได้อื่น 3.22 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 12.59 ล้านบาท ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับงวดผลการดำเนินงานในปี 2566 ในอัตรา 0.04 บาทต่อหุ้น เตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 17 เม.ย. 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 3 พ.ค. 2567
 
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2567 เริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศ ให้เห็นมากขึ้น หลังรัฐบาลเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อเพิ่มกำลังซื้อและการบริโภค ขณะที่ผลกระทบจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาเม็ดพลาสติก และการแข่งขันด้านราคาในตลาด มีแนวโน้มลดน้อยลง ทำให้เป็นโอกาสในการขยายตลาดใหม่ เพื่อเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ ผลักดันผลการดำเนินงานในปีนี้ เติบโตอย่างแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
 
“ในปี 2567 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 10% เทียบกับปีที่ผ่านมา โดยปีนี้เราจะเข้ารุกตลาดสินค้าในกลุ่มบรรจุภัณฑ์อาหาร (Food Packaging) มากขึ้น แต่ยังคงเป็นพลาสติกและกระดาษ เจาะกลุ่มลูกค้าที่เปิดร้านออนไลน์-เดลิเวอรี่ที่ไม่มีหน้าร้าน สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่” นายอภิรัตน์ กล่าว
 
ทั้งนี้ กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในปี 2567 บริษัทให้ความสำคัญกับการเพิ่มยอดขายสินค้าภายในประเทศ ผ่านการทำแคมเปญการตลาด และขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น เพิ่มกลุ่มสินค้าสำหรับกลุ่มลูกค้าร้านอาหารมากขึ้น ขณะเดียวกันยังได้มีการขยายทีมมาร์เก็ตติ้ง และทีมขาย เพื่อรองรับการทำการตลาด และกระตุ้นยอดขายทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษา และเตรียมความพร้อมในการขยายตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV คาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งมั่นใจว่าจะช่วยผลักดันรายได้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต
 
อย่างไรก็ตาม ในปี 2567 คาดว่าจะมีความผันผวนน้อยลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ทั้งจากเรื่องของต้นทุนวัตถุดิบและราคาน้ำมันที่เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น ส่วนเรื่องของการปรับขึ้นค่าแรงงาน กระทบกับบริษัทฯเล็กน้อย เนื่องจากมีการปรับขึ้นค่าแรงสอดคล้องกับสถานการณ์ตลาดอยู่แล้ว รวมทั้งบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาการแตกไลน์ธุรกิจ เพื่อสร้าง New S-Curve สนับสนุนธุรกิจเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ