Phones





IIG คอนเฟิร์มผลงานปี 67 พลิกกำไร ลุยดีล M&A

2024-02-28 14:09:08 266



 
นิวส์ คอนเน็คท์ - IIG มั่นใจผลประกอบการปี 67 กลับมามีกำไรอีกครั้ง หลังผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในปี 66 ที่ผ่านมาจากการมีผลขาดทุนสุทธิ 302 ล้านบาท ตั้งเป้ารายได้ปี 67 เติบโต 40% ปรับกลยุทธ์ธุรกิจลุยขยายตลาดต่างประเทศ พร้อมมองหาโอกาสทำดีล M&A
 
เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 นายสมชาย เมฆะสุวรรณโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอแอนด์ไอ กรุ๊ป (มหาชน) หรือ IIG เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทในปี 2566 มีรายได้รวม 948.63 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิ 302.50 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากธุรกิจด้านด้านการบริหารจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM) ที่มีรายได้จากการให้บริการให้คำปรึกษาและติดตั้งระบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์ลดลง เนื่องจากโครงการขนาดใหญ่ที่มีการยกเลิกสัญญาและล่าช้าจากการให้บริการในปี 2566  ส่งผลให้บริษัทไม่สามารถรับรู้รายได้ตามกำหนด
 
นอกจากนี้ บริษัทได้ตั้งสำรองค่าใช้จ่ายซึ่งเกิดจากกระบวนการรับงานของลูกค้ามีขั้นตอนและเอกสารหลายรายการ จึงทำให้บริษัทต้องตั้งสำรองในกรณีที่อาจไม่ได้รับชำระเงินจากลูกค้าในเนื้องานบางส่วนที่ได้มีการทำงานไปแล้ว ส่งผลให้ผลประกอบการปี 2566 มีผลขาดทุน อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ยุติการดำเนินงานโครงการดังกล่าวแล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อหาข้อตกลงร่วมกัน ขณะที่ในปี 2566 บริษัทมีรายได้ประจำ (Recurring Revenue) จากการให้บริการและให้เช่าใช้ซอฟต์แวร์ คิดเป็นมูลค่า 695 ล้าน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 305 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 78% โดยในปี 2567 รายได้ประจำของบริษัทจะมีมูลค่าสูงมากกว่า 700 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากต่อสัญญาและการสะสมฐานลูกค้าของบริษัท
 
“ผมเชื่อว่าบริษัทได้ผ่านพ้นวิกฤติที่เป็นจุดต่ำสุดมาแล้ว โดยปีที่ผ่านมาบริษัทมีการประมาณค่าใช้จ่าย และผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากโครงการที่ล้าช้า โดยประเมินความเป็นไปได้ที่อาจจะเกิดขึ้นแบบ Conservative ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 106 ล้านบาท เพื่อให้มั่นใจว่าผลกระทบจากโครงการดังกล่าวจะไม่กระทบต่อการดำเนินงานในปีถัดไป ทั้งนี้ผมมั่นใจว่าปี 67 iiG สามารถกลับมาเติบโตได้ตามเป้าที่วางไว้ ทั้งรายได้และกำไร โดยบริษัทเคยมีรายได้สูงสุดอยู่ 959 ล้าน และมีกำไร 86 ล้านบาท เมื่อปี 65 ซึ่งในปี 67 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 40% โดยมั่นใจว่ากำไรสุทธิจะกลับสู่อัตราปกติที่บริษัทเคยทำได้ภายในครึ่งปีหลัง” นายสมชาย
 
นอกจากนี้ บริษัทได้ปรับกลยุทธ์ การดำเนินงานภายใน ซึ่งไม่เพียงแค่สนับสนุนการเติบโตแบบ Organic Growth เท่านั้น แต่บริษัทยังได้ตัดสินใจดำเนินการขยายธุรกิจในประเทศ รวมถึงการลงทุนในประเทศเวียดนาม หลังจากผู้คณะบริหารได้ศึกษาตลาดในต่างประเทศแล้วเห็นตรงกันว่า ประเทศเวียดนามเป็นตลาดที่น่าสนใจ โดยมีปัจจัยหลายอย่างสนับสนุน อีกทั้งสภาพเศรษฐกิจอยู่ระหว่างการเติบโตเป็นอย่างมาก