Phones





‘Xendit’ สตาร์ทอัพยูนิคอร์น บุกตลาดไทย เปิดบริการชำระเงินดิจิทัลครบวงจร

2024-03-11 19:34:59 452



 
นิวส์ คอนเน็คท์ – ‘Xendit’ เดินหน้ากลยุทธ์บุกตลาดฟินเทคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กับก้าวใหม่ขยายธุรกิจเข้าสู่ประเทศไทย เปิดให้บริการโซลูชันทางการเงินดิจิทัลแก่กลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ตั้งเเต่ SMEs รายย่อยไปจนถึงบริษัทขนาดใหญ่ระดับภูมิภาค ด้วยพันธกิจ “Making Payments Simple”
 
เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2567 นายโมเสส โล (Moses Lo) ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Xendit สตาร์ทอัพยูนิคอร์น สัญชาติอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า Xendit เป็นบริษัทเทคโนโลยีด้านการเงินที่มีรากฐานแข็งแกร่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งให้บริการโซลูชันทางการเงินแก่ธุรกิจต่างๆ ตั้งแต่ SMEs ขนาดเล็กไปจนถึงบริษัทขนาดใหญ่ เพื่อช่วยให้ขั้นตอนในการชำระเงินสะดวกสบายยิ่งขึ้น โดยเป็นผู้จัดหาระบบพื้นฐานทางการชำระเงินที่ปลอดภัยและง่ายต่อการทำงานร่วมกันกับลูกค้า พร้อมทั้งมีทีมงานมืออาชีพที่คอยดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ได้รับบริการที่ดีที่สุด ภายหลังจากการเปิดตัวครั้งแรกในปี 2015 Xendit ได้รับความเชื่อมั่นจากธุรกิจต่างๆ ในอินโดนีเซียและรัฐบาล โดยได้เป็นผู้ดูแลโซลูชันทางการเงินให้แก่บริษัทชั้นนำอย่าง Traveloka, Garuda Indonesia และ Tech In Asia เป็นต้น
 
ทั้งนี้ จากความสำเร็จที่น่าประทับใจในอินโดนีเซีย Xendit ต่อยอดขยายธุรกิจเข้าไปยังประเทศฟิลิปปินส์และมาเลเซีย ซึ่งได้มีปรับกลยุทธ์การให้บริการตามพื้นที่และความต้องการของธุรกิจในประเทศนั้นๆ เพื่อช่วยผลักดันให้ธุรกิจมีการขยายตัวและเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยคำนึงถึงความต้องการของผู้ใช้งานที่แตกต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่ สำหรับปี 2024 นี้ Xendit มีความพร้อมที่จะเป็นผู้ให้บริการพื้นฐานการชำระเงินในระดับภูมิภาค ภายใต้พันธกิจ “Making Payments Simple” ช่วยเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจต่างๆ ในประเทศไทยได้ขยายความสามารถในการทำธุรกรรมดิจิทัลในระดับภูมิภาคไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพียงเชื่อมต่อกับระบบที่ทันสมัยของ Xendit
 
“การขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดใหม่ ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเพิ่มฐานลูกค้าใหม่เท่านั้น แต่เรายังเชื่อมั่นในการทำให้ธุรกิจมีพลัง ด้วยเครื่องมือที่พวกเขาต้องการเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ สำหรับ Xendit เป้าหมายของเราคือการสร้างโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินดิจิทัลที่ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และช่วยทำให้กระบวนการชำระเงินเป็นเรื่องง่าย สะดวก และรวดเร็ว สำหรับการขยายตลาดเข้าสู่ประเทศไทยในครั้งนี้ เรากำลังเดินหน้าเข้าสู่ก้าวต่อไป เพื่อทำให้วิสัยทัศน์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริงได้กับทุกๆ คนในอุตสาหกรรมนี้” นายโมเสส โล กล่าว
 
ด้านนางสาวเทสซ่า วิจายะ (Tessa Wijaya) ผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการผู้อํานวยการฝ่ายปฏิบัติการ Xendit กล่าวว่า ปัจจุบัน Xendit ให้บริการแก่ลูกค้ามากกว่า 6,000 รายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการทำธุรกรรมมากกว่า 320 ล้านครั้งต่อปี ผ่านการให้บริการรับชำระเงิน การโอนเงินข้ามประเทศ การดำเนินธุรกิจและการจัดการร้านค้า พร้อมด้วยบริการด้านการเงินดิจิทัลอื่นๆ อีกมากมาย โดยมีลูกค้าครอบคลุมทั้ง SME รายย่อย สตาร์ทอัพด้านอีคอมเมิร์ซ และบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ โดย Xendit มีแผนที่จะพัฒนาการให้บริการด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย พร้อมการบริการที่เต็มไปด้วยความคุ้มค่าและสามารถเข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่ม ด้วยจุดเด่นด้านบริการ ดังนี้ Simple ให้บริการระบบชำระเงินที่ปลอดภัยและง่ายต่อการทำงานร่วมกัน, Speed การตรวจสอบและการเชื่อมต่อที่รวดเร็ว ทันใจ และ Service พร้อมดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยมาตรฐานการดูแลระดับโลก
 
โดย Xendit มีเป้าหมายที่จะมองหาและแก้ไขระบบการรับชำระเงินให้ตรงตามความต้องการของแต่ละบริษัท และพร้อมที่จะสร้างโซลูชันที่เหมาะสมกับตลาดการชำระเงินดิจิทัลในประเทศไทย โดยมีกลุ่มเป้าหมายตั้งเเต่ร้านค้าทุกขนาด สตาร์ทอัพที่มีฝันที่จะขยายธุรกิจไปสู่ระดับภูมิภาค ไปจนถึงบริษัทใหญ่ในภูมิภาค
 
“เราเชื่อมั่นในการก้าวข้ามขีดจำกัดและพร้อมจะช่วยทำให้ธุรกิจในแต่ละประเทศมีพลังในการเติบโตมากยิ่งขึ้น จากการเชื่อมต่อระดับโลกและการทำธุรกรรมดิจิทัลแบบไร้รอยต่อ ด้วยความเชี่ยวชาญที่เน้นการเข้าถึงในระดับท้องถิ่นและการมีมาตรฐานที่ดีที่สุดระดับโลกของเรา เราหวังว่าการนำเสนอโซลูชันทางการชำระเงินแบบดิจิทัลที่เป็นนวัตกรรมของเราเข้าสู่ประเทศไทยในครั้งนี้ จะช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีให้แก่อุตสาหกรรมดิจิทัลไทยได้อย่างแน่นอน” นางสาวเทเรเซีย กล่าว
 
ขณะที่นายกรณ์ จาติกวณิช ผู้ร่วมพัฒนาธุรกิจในฐานะที่ปรึกษา และ Chairman ของ Xendit กล่าวว่า การชำระเงินเป็นฟันเฟืองที่สำคัญอย่างยิ่งในกลไกทางเศรษฐกิจโดยรวมในยุคดิจิทัลนี้ ระบบการชำระเงินที่แข็งแกร่งระดับโลกถือเป็นสิ่งสำคัญต่อความสำเร็จ โดนที่ Xendit จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับสถาบันการเงินของไทย ตลอดจนร่วมงานโดยตรงกับธุรกิจในท้องถิ่นเพื่อส่งมอบบริการและเทคโนโลยีระดับโลก เราจะร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแลเพื่อให้เกิดความโปร่งใส และธรรมาภิบาลในทุกกิจกรรมของบริษัท โดยการร่วมมือกันในครั้งนี้เป็นการร่วมผลักดันการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ พร้อมยกระดับศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลและพัฒนาเทคโนโลยีการเงินในประเทศไทยต่อไปอย่างยั่งยืน