Phones





PTG จากปั๊มภูธร สู่ยักษ์ใหญ่ระดับประเทศ

2024-03-17 09:38:45 329



PTG จากปั๊มภูธร สู่ยักษ์ใหญ่ระดับประเทศ (สกู๊ปพิเศษ)

จากการเดินหน้าธุรกิจเชิงรุกมาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งปี 2566 ที่ผ่านมา บมจ. พีทีจี เอ็นเนอยี่ หรือ PTG สามารถสร้างยอดขายน้ำมันทำสถิติสูงเป็นประวัติการณ์ของบริษัทที่ 5,960 ล้านลิตร โดยปริมาณการจำหน่ายน้ำมันของ PTG ผ่านสถานีบริการเติบโตสูงถึง 13.3% ซึ่งสูงกว่าการเติบโตของประเทศถึง 6 เท่า 

ยอดขายน้ำมันปี 66 สูงสุดเป็นประวัติการณ์

โดยปี 2566 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 19,389 ล้านบาท หรือ 10.8% เป็น 198,811 ล้านบาท มาจากธุรกิจ Oil ที่มีรายได้เพิ่มขึ้น 8.9% เป็น 185,123 ล้านบาท ส่วนธุรกิจ Non-Oil มีรายได้เพิ่มขึ้น 44.4% เป็น 13,688 ล้านบาท กำไรขั้นต้นปี 2566 มีจำนวน 12,922 ล้านบาท เติบโต 7.6% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมาจากธุรกิจ Non-Oil ที่เพิ่มขึ้น 23.4% หรือ 520 ล้านบาท เป็น 2,742 ล้านบาท ในส่วนของธุรกิจ Oil เพิ่มขึ้น 4.0% หรือ 394 ล้านบาท เป็น 10,180 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ จำนวน 966 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.3% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน และมีกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานอยู่ที่ 0.57 บาทต่อหุ้น ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) มีจำนวน 5,694 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.3%

จากผลดำเนินงานงวดปี 2566 ที่ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลสำหรับงวดปี 2566 ให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสด อัตราหุ้นละ 0.35 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 584.5 ล้านบาท กำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 17 พฤษภาคม 2567 โดยต้องรอการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 26 เมษายน 2567 นี้

ปักธงปี 67 ปริมาณจำหน่ายน้ำมันโต 10-12%
แม่ทัพใหญ่ “พิทักษ์ รัชกิจประการ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTG สั่งเดินเครื่องเต็มที่ในปี 2567 ตั้งเป้าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันเติบโต 10-12% พร้อมกับวางเป้าหมายขยายสถานีบริการเพิ่มเป็น 2,251 สถานีบริการ จากปี 2566 อยู่ที่ 2,201 สถานีบริการ และวางเป้าครองส่วนแบ่งการตลาดน้ำมัน ผ่านช่องทางสถานีบริการมากกว่า 25% ภายในปี 2570 ผ่าน 3 กลยุทธ์ ได้แก่ 1.Expansion & Renovation, 2.Service Innovation และ 3. Data Optimization พร้อมตั้งเป้าฐานสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus ขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่า 30 ล้านสมาชิก ส่วนร้านกาแฟพันธุ์ไทยมุ่งขยายสาขาร้านในรูปแบบของ “แฟรนไชส์” มากขึ้น ทั้งภายในและนอกสถานีบริการน้ำมันเป็นจำนวนรวม 5,000 สาขาครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ รวมถึงขยายออกสู่ตลาดต่างประเทศเช่น ลาว พร้อมพัฒนาและมุ่งหาธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศของ PTG ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค
สำหรับธุรกิจ Non-Oil ทาง PTG วางเป้าเติบโตไว้ที่ 40-50% โดยตั้งเป้าการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายก๊าซ LPG ไว้ที่ 30-40% แบ่งเป็นการเติบโตที่มาจาก 1. กลุ่ม Auto LPG ด้วยการยกระดับประสบการณ์ให้แก่ลูกค้าด้วยงานบริการ ส่งเสริมยอดขาย และครองส่วนแบ่งการตลาด อันดับ 1 ด้วยโครงการ “Taxi Transform” และ “Auto Transform” รวมถึงการใช้กลยุทธ์ทำงานด้านการตลาดผ่านระบบสมาชิก บัตร PT Max Card เพื่อรักษาและขยายฐานลูกค้า, 2. กลุ่มก๊าซครัวเรือนและอุตสาหกรรมด้วยการมุ่งรักษาฐานลูกค้าหลักเดิม และหาฐานลูกค้าใหม่ รวมถึงการนำเสนอโปรโมชั่นการขาย และการรับรู้แบรนด์ PT แก่ลูกค้า และ 3. เน้นการขยายจำนวนสถานีบริการ Auto LPG และ Gas Shop เป็น 788 สาขา จากเดิมที่มีอยู่ 573 สาขาในปี 2566

ด้านธุรกิจร้านกาแฟพันธุ์ไทย บริษัทเน้นขยายสาขาอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ที่มีศักยภาพมากขึ้น เช่น ย่านใจกลางเมือง ย่านธุรกิจที่มีกำลังซื้อสูง (CBD) หัวเมืองตามจังหวัดต่างๆ ศูนย์การค้าหรือห้างสรรพสินค้า สถานที่ราชการ โรงพยาบาล และมหาวิทยาลัย ซึ่งในปัจจุบันกาแฟพันธุ์ไทยมีสาขาจำนวนกว่า 900 สาขา โดยตั้งเป้าหมายขยายสาขาเพิ่มอีก 400 สาขาทั่วประเทศไทย เข้าสู่ระดับอำเภอที่มีศักยภาพ เพื่อให้ครอบคลุมทั่วประเทศไทยรวมจำนวนกว่า 1,300 สาขา ภายในปี 2567
ในส่วนของโครงการพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) ที่ลงทุนผ่าน บริษัท พีทีจี กรีน เอ็นเนอยี จำกัด (PTGGE) โดยซื้อขายไฟฟ้าในรูปแบบ Private PPA ปัจจุบันมีการติดตั้งไปแล้วบนพื้นที่ 37 สถานี ช่วยประหยัดพลังงานมากกว่า 1 ล้านหน่วยต่อปี ซึ่งลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าของกลุ่มสถานีดังกล่าวลงได้สูงถึง 15% ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 500 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี ซึ่งปี 2567 PTGGE ได้ตั้งงบลงทุนในอีก 5 ปีที่ 1,000 ล้านบาท เพื่อขยายพอร์ต Solar Rooftop รูปแบบ Private PPA อีก 28.67 MW บนพื้นที่มากกว่า 1,200 สถานี โดยมีเป้าหมายลดปริมาณการใช้ไฟฟ้ามากกว่า 33 ล้านหน่วยต่อปี คาดว่าจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 13,420 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี หรือเทียบเท่าการปลูกป่า 2.9 ล้านต้น
 
เพื่อคนไทย "อยู่ดี มีสุข"

“ภาพรวมของกลุ่ม PTG ในปี 67 ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทจะเดินหน้าในการเสริมสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจให้แข็งแรง โดยการร่วมเป็นพันธมิตรกับผู้ค้ารายต่าง ๆ เพื่อให้บริษัทสามารถมอบสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้า ได้อย่างครอบคลุม และสามารถใช้ชีวิตภายใต้ระบบนิเวศของบริษัทได้อย่าง อยู่ดี มีสุข เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมีศักยภาพและมีความมั่นคงตลอดไป” นายพิทักษ์ ระบุ

หลังจากนี้เชื่อว่าจะได้เห็นพัฒนาการของ PTG อย่างต่อเนื่องแน่นอน เพราะจากจุดเริ่มต้นที่เป็นเพียงสถานีบริการน้ำมันเล็กๆ ระดับภูธร จนก้าวขึ้นเป็นผู้เล่นรายใหญ่ติด 1 ใน 3 ของประเทศ เชื่อว่า PTG ยังมีสตอรี่ทางธุรกิจให้ติดตามอีกเยอะแน่นอน.