นิวส์ คอนเน็คท์ – KTB แจ้งผลประกอบการไตรมาส 4/62 มีกำไรสุทธิ 7,459 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.1% ขณะที่กำไรปี 62 อยู่ที่ 29,284 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.8% รับผลบวกจากการขยายตัวของสินเชื่อ 3.2% หนุนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นแม้ได้รับผลกระทบจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ขณะที่รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจากกำไรสุทธิจากเงินลงทุน

เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2563 นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2562 ธนาคารมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคารจำนวน 7,459 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.1% จากรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นโดยมีสาเหตุหลักมาจากกำไรจากเงินลงทุน รวมทั้งค่าใช้จ่ายหนี้สูญ หนี้สงสัยจะสูญฯ ที่ลดลง

ทั้งนี้ ในปี 2562ธนาคารได้รับผลกระทบจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2 ครั้ง รวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อทั้ง MRR, MOR และ MLR ที่ผ่านมา แม้ว่าธนาคารมีการบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ยังส่งผลให้ NIM ลดลงอยู่ที่ 2.91% จาก 3.23% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน รวมทั้งยังมีค่าใช้จ่ายพิเศษจากการสำรองด้อยค่าทรัพย์สินรอการขายฯ หากไม่รวมรายการค่าใช้จ่ายพิเศษดังกล่าว กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร เพิ่มขึ้น 50.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

สำหรับผลประกอบการปี 62 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ ส่วนที่เป็นของธนาคาร จำนวน 29,284 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นในส่วนของรายได้ดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อที่มาจากการได้รับเงินบางส่วนจากการขายทอดตลาดทรัพย์สินหลักประกันจำนองจำนวน 3,899 ล้านบาทในไตรมาส 1/62 และการเพิ่มขึ้นของกำไรจากเงินลงทุนสุทธิ แม้ว่าค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานของธนาคารเพิ่มขึ้น จากการกันสำรองด้อยค่าทรัพย์สินรอการขายตามเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย และการตั้งสำรองผลประโยชน์พนักงานในไตรมาส 3/62

อย่างไรก็ตาม หากไม่รวมรายการพิเศษของรายได้ดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายดังกล่าว กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร เพิ่มขึ้น 18.2% จากปี 61 โดยมี NIM ที่ไม่รวมรายการพิเศษเท่ากับ 3.07% ลดลงเล็กน้อยจาก 3.13% ในปี 61 เนื่องจากได้รับผลกระทบการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายและอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อในครึ่งหลังของปี ในส่วนของ Cost to Income ratio ที่ไม่รวมรายการพิเศษเท่ากับ 43.58% ลดลงจาก 45.29% ในช่วงเดียวกันของปี 61

ขณะที่อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) ณ 31 ธ.ค.62 เพิ่มขึ้นเป็น 131.76% จาก 125.74% ณ 31 ธ.ค.61 โดยมี NPLs Ratio-Gross เท่ากับ 4.33% ลดลงจาก 4.53% และมี NPLs Ratio-Net อยู่ที่ 1.83% ลดลงจาก 1.94% โดยสินเชื่อด้อยคุณภาพมีการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น

ทั้งนี้ ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 และอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์ถ่วงน้ำหนักตามความเสี่ยง (งบการเงินเฉพาะธนาคาร) เท่ากับ 14.80% และ 18.66% ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย

>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews