นิวส์ คอนเน็คท์ - กฟผ. ร่วมกับองค์การเนโดะ และบริษัท มารูเบนิฯ ลงนามมร่วมมือนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาสนับสนุนงานเดินเครื่องและบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าแม่เมาะ หน่วยที่ 11 และ 13 หวังลดต้นทุนพลังงาน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้า พร้อมอัดงบลงทุน 154 ล้านบาทปรับปรุงโรงไฟฟ้าวังน้อยให้สามารถรองรับเชื้อเพลิงพลังงานทดแทน

เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2563 นายณัฐวุฒิ แจ่มแจ้ง รองผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า กฟผ.ร่วมกับองค์การพัฒนาพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม (New Energy and Industrial Technology Development Organization : NEDO) ประเทศญี่ปุ่น และบริษัท มารูเบนิ จำกัด ลงนามความร่วมมือนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยสนับสนุนการทำงานของโรงไฟฟ้าแม่เมาะ หน่วยที่ 11 และ 13 ที่จ.ลำปาง

ทั้งความร่วมมือในครั้งนี้ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นในการจัดหาเทคโนโลยีดิจิทัลทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ เพื่อนำมาใช้พัฒนางานด้านการเดินเครื่องและบำรุงรักษาโรงไฟฟ้า เพื่อยกระดับกระบวนการผลิตไฟฟ้า ลดต้นทุนในการผลิต เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันรวมถึงช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

โดยมีกรอบระยะเวลาในการทดลอง 3 ปีเริ่มตั้งเดือน มี.ค. 63 และสิ้นสุดการทดลองปี 65 โดยมีการกำหนดเป้าหมายให้สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าได้เฉลี่ย 0.45% ลดการปล่อยก๊าซเรือกระจก 14,000 ตันต่อปี และคาดว่าจะสามารถประหยัดต้นทุนได้ 10 ล้านบาทต่อปี ซึ่งหากสามารถเป็นไปตามเป้าหมาย กฟผ.ก็จะพิจารณานำระบบนี้ไปติดตั้งกับโรงไฟฟ้าแห่งอื่นด้วย ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับบริษัท มารูเบนิ จำกัด จะเสนอราคามีความคุ้มค่าในการลงทุนหรือไม่ โดยเบื้อต้นประเมินราคาไว้ที่ 100 ล้านบาทต่อโรง

สำหรับแผนการซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้านั้นในปีนี้เป็นการซ่อมบำรุงตามวาระปกติยกเว้นโรงไฟฟ้าวังน้อย จะมีการลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพให้สามารถมีความยืดหยุ่นในการผลิตไฟฟ้า โดยให้สามารถรองรับการใช้เชื้อเพลิงพลังงานทดแทนได้ จากปัจจุบันใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 145 ล้านบาท เริ่มดำเนินการตั้งแต่ต้นปี 63 คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปีนี้

>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews