Phones
หน้าแรก
Stock
เศรษฐกิจมหภาค
แบงก์ - Finance
อสังหาริมทรัพย์ - Marketing
ประกัน - ท่องเที่ยว
Variety
สกู้ป พิเศษ
SET
GUNKUL ฟอร์มใหม่ วางเป้า 3 ปี รายได้รวม 35,000 ล้านบ.
MAI
XO ปี 68 เจาะทวีปยุโรป โฟกัสตลาดมาร์จิ้นสูง
IPO
“อินดิจี” ยื่นไฟลิ่ง ขาย IPO 28 ล้านหุ้น
บล./บลจ
โกลเบล็ก คัด 7 หุ้นเด่นรับอานิสงส์ ‘TISA’
เศรษฐกิจ-การเงิน-การคลัง
BAY วางกรอบเงินบาท 33.50-34.20 จับตาเงินเฟ้อสหรัฐฯ
การค้า - พาณิชย์
พณ. ลงพื้นที่อยุธยา หนุน SME ใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA
พลังงาน - อุตสาหกรรม
QTC รุกธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า ลุยเปิดสถานีชาร์จรถบรรทุก
คมนาคม - โลจิสติกส์
“สุริยะ” เตรียม MOU สเปนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
แบงก์ - นอนแบงก์
BBL จับมือ เชลล์ ออกบัตรพรีเพด ตั้งเป้าบอดบัตร 5.5 หมื่นใบ
ไฟแนนซ์ - ลิสซิ่ง
APM ยื่นไฟลิ่ง หุ้นกู้ ‘PUEAN’ ดอกเบี้ยสูงสุด 7.75%
SMEs - Startup
‘Proof of Human’ เปิดโอกาสให้คนไทยยืนยันความเป็นมนุษย์ได้อย่างปลอดภัย
ประกันภัย - ประกันชีวิต
วิริยะประกันภัย ให้บริการตรวจรถฟรี รับเทศกาลสงกรานต์ 68
รถยนต์
บริดจสโตน ผนึก ม.กรุงเทพ เปิดเวทีประชันไอเดียสุดครีเอทีฟ
ท่องเที่ยว
BEYOND ปี 68 ดัน รายได้โรงแรมแตะ 3,700 ล้านบ.
อสังหาริมทรัพย์
"ไซมิส แอสเสท" ปี 67 รายได้นิวไฮ 4,740 ล้านบ.
การตลาด
DRT ลุยขยายตลาดใหม่ รับมือตลาดที่อยู่อาศัยหดตัว
CSR
‘Proof of Human’ เปิดโอกาสให้คนไทยยืนยันความเป็นมนุษย์ได้อย่างปลอดภัย
Information
JMART จับมือ JMT คว้ามาตรฐาน ISO/IEC 27001:2022
Gossip
NAM แย้มรายได้ SM พุ่งแรง!
Entertainment
ธนาคารกรุงเทพ รับรางวัลพระราชทาน “เสาเสมาธรรมจักร” ประจำปี 67
สกุ๊ป พิเศษ
CHAYO รุกซื้อหนี้เติมพอร์ต อัพผลงานโตเกิน 20%
SCB EIC เจาะลึกไฟฟ้าจากไฮโดรเจนคาร์บอนต่ำ แหล่งพลังงานแผน PDP ฉบับใหม่
2024-07-08 17:47:11
175
sharer
นิวส์ คอนเน็คท์ – SCB EIC มองแผน PDP ฉบับใหม่ (2024) และแผนการผลิตไฟฟ้าของ กฟผ. จะหนุนให้มูลค่าไฮโดรเจนคาร์บอนต่ำปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 8 หมื่นล้านบาทในปี 2593
เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2567 นายจิรวุฒิ อิ่มรัตน์ นักวิเคราะห์อาวุโส ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) เปิดเผยว่า จากการที่กระทรวงพลังงานมีแผนนำไฮโดรเจนมาใช้ผลิตไฟฟ้าจากเดิมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นพลังงานหลัก โดย PDP 2024 มีเป้าหมายชัดเจนว่าจะนำไฮโดรเจนมาผสมกับก๊าซธรรมชาติเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลงในการผลิตไฟฟ้า โดยเบื้องต้น SCB EIC ประเมินว่า ในช่วงปี 2573 – 2580 จะมีการใช้ไฮโดรเจนในโรงไฟฟ้า IPP SPP และ กฟผ. เริ่มตั้งแต่ 5% หรือราว 141-151 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน คิดเป็นมูลค่ารวมราว 10,000-12,000 ล้านบาท ณ ระดับราคาไฮโดรเจนสีเขียวราว 2.5-2.6 ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลกรัม
นอกจากนี้ จากการประเมินตามเป้าหมายของ กฟผ. ที่จะทยอยเพิ่มไฮโดรเจนคาร์บอนต่ำในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติไปจนถึง 75% หรือราว 2,000 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในปี 2593 พบว่า มูลค่าไฮโดรเจนจะอยู่ที่ราว 80,000 ล้านบาท ณ ระดับราคาไฮโดรเจนสีเขียวที่จะลดลงเหลือราว 1.25 ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลกรัม
ทั้งนี้ ไฮโดรเจนคาร์บอนต่ำถูกระบุให้เป็นแหล่งพลังงานใหม่ในการผลิตไฟฟ้าของไทย เนื่องจากเป็นเชื้อเพลิงสะอาด ที่มีการปล่อยคาร์บอนต่ำกว่าก๊าซธรรมชาติที่ใช้ในไทย (Pool gas) ราว 3 เท่า ซึ่งหากมีการใช้ไฮโดรเจนสีเขียวเป็นเชื้อเพลิงสูงสุด 75% ของปริมาณก๊าซที่ต้องใช้ในโรงไฟฟ้าในปี 2050 จะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนในการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิลได้ไม่น้อยกว่า 42% จากปี 2566 ซึ่งจะช่วยให้ไทยบรรลุเป้าหมาย Carbon neutrality ในปี 2593 ได้
ขณะที่ SCB EIC ประเมินว่า ในกรณีที่แย่ที่สุด การใช้ไฮโดรเจนคาร์บอนต่ำในการผลิตไฟฟ้า จะทำให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าและค่าไฟฟ้าต่อหน่วยในปี 2583 สูงขึ้น 28% และ 5% ตามลำดับ โดยโรงไฟฟ้าจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนการผสมและราคาในแต่ละปี ตัวอย่างเช่น SCB EIC พบว่า การผสมไฮโดรเจนสีเขียว 5% ในปี 2573 – 2580 จะส่งผลต่อต้นทุนของโรงไฟฟ้าสูงขึ้นราว 9% และค่าไฟฟ้าต่อหน่วยสูงขึ้น 1.6-1.7% ในขณะที่การผสมไฮโดรเจนสีเขียว 20% ในปี 2583 จะทำให้ต้นทุนของโรงไฟฟ้าสูงขึ้นราว 28% และค่าไฟฟ้าต่อหน่วยเพิ่มขึ้น 5.4% ส่วนการผสมไฮโดรเจนสีเขียว 25% ในปี 2593 จะทำให้ต้นทุนของโรงไฟฟ้าสูงขึ้นราว 7% และค่าไฟฟ้าต่อหน่วยเพิ่มขึ้น 1.6% โดยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวเป็นผลมาจากราคาไฮโดรเจนที่สูงกว่าก๊าซธรรมชาติ และการสมมุติให้โรงไฟฟ้าไม่มีนโยบายเรื่องการลดคาร์บอนอย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ การผลักดันไฮโดรเจนคาร์บอนต่ำให้เป็นเชื้อเพลิงหลักได้อย่างยั่งยืน จะต้องมีการ 1.ลดต้นทุนการผลิต, 2.ส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าในรูปแบบใหม่ที่ผู้ผลิตไฟฟ้าสามารถผลิตไฮโดรเจนสีเขียวได้เอง โดยอาศัยโครงข่ายไฟฟ้าของการไฟฟ้า และ 3.ผลักดันตลาดคาร์บอนเครดิต และระบบซื้อ-ขายสิทธิในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
โดยต้นทุนไฮโดรเจนมีผลต่อการพิจารณาใช้สูงที่สุด โดยจากการประเมินต้นทุนที่จะทำให้ผู้ผลิตไฟฟ้าและค่าไฟฟ้าไม่ได้รับผลกระทบในระยะยาว ไฮโดรเจนสีเขียวในไทยควรจะมีราคาเฉลี่ยราว 8-9 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู (MMBTU) (0.9-1 ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลกรัม) โดยภาครัฐร่วมกับภาคเอกชนสามารถช่วยกันพัฒนาทั้งการลดต้นทุนผ่านโมเดลการผลิตรูปแบบใหม่ที่ทำให้ต้นทุนและค่าไฟฟ้าลดลง หรือภาครัฐควรมีนโยบายสนับสนุนกลไกการใช้คาร์บอนเครดิตและระบบการซื้อ-ขายสิทธิในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคบังคับ (Emission trading scheme, ETS)
GUNKUL ฟอร์มใหม่ วางเป้า 3 ปี รายได้รวม 35,000 ล้านบ.
TGE ลุยสร้างโรงไฟฟ้าขยะชุมชน 4 แห่ง คาด COD ปี 69
QTC รุกธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า นำร่องเปิด 'ProCharge' - RBF เป้ารายได้โต 10-15%
APCO เล็งเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ mylifeSC ผลักดันยอดขาย
RBF รุกตลาด ตปท.เต็มสูบ วางเป้าปี 68 รายได้โต 10-15%
PTG รุก Non-oil ดัน 'พันธุ์ไทย' 5,000 สาขา - TIDLOR โบรกฯ เคาะพื้นฐาน 22 บ.